แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 17
1
อาการของโรคเมลิออยโดซิส (Melioidosis)

เมลิออยโดซิส เป็นโรคติดเชื้อรุนแรงที่พบได้ทั้งในคนและสัตว์ พบว่าประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดในโลก และคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นปีละ 2,000-3,000 ราย พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่พบมากที่สุดทางภาคอีสาน

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40-60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.4 เท่า

ผู้ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อและเป็นโรคนี้ ได้แก่ เกษตรกร และผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการสัมผัสดินและน้ำ (เช่น ทหารที่ฝึกซ้อมในภาคสนาม หรือในการทำสงคราม)

ผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้มักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย โดยเฉพาะเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีประวัติดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ

โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงกันยายน)

โรคนี้อาจแสดงอาการได้หลายลักษณะ ทั้งเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการก็ได้ (ซึ่งเชื้อจะหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย ต่อมาภายหลังเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะมีอาการเกิดขึ้นได้)

นอกจากนี้ยังอาจมีอาการคล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (รวมทั้งโรคติดเชื้อร้ายแรง เช่น สแตฟีโลค็อกคัสออเรียส) วัณโรค และมะเร็งต่าง ๆ จึงได้ชื่อว่า ยอดนักเลียนแบบ

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อเมลิออยโดซิส ซึ่งเป็นแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า เบอร์คอลเดเรียสูโดมัลเลไอ (Burkholderia pseudomallei) เชื้ออาศัยอยู่ในดินและน้ำ ส่วนใหญ่เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่มีบาดแผล (เช่น บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการทำงานในท้องไร่ ท้องนา บาดแผลจากอุบัติเหตุ เช่น รถชน รถคว่ำ บาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก บาดแผลจากสงคราม เป็นต้น) โดยการสัมผัสดินโคลน หรือน้ำที่มีเชื้อโดยตรง

นอกจากนี้ อาจติดต่อทางการหายใจ (เช่น การสูดหายใจเอาเชื้อเข้าปอด การสำลักน้ำเข้าปอดในผู้ป่วยที่จมน้ำ เป็นต้น) ทางการกิน (เช่น การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ) การติดจากผู้ป่วย (คนสู่คน) โดยตรงซึ่งพบได้น้อย การติดเชื้อในห้องปฏิบัติการ และการติดเชื้อในโรงพยาบาล

เชื้อเมลิออยโดซิส เมื่อเข้าสู่ร่างกายสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อแทบทุกระบบของร่างกาย ซึ่งพบบ่อยที่สุดคือ กระแสเลือด รองลงมาคือ ปอด ผิวหนัง และเนื้อเยื่อตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อที่ช่องท้อง (ตับ ม้าม ไต ทางเดินปัสสาวะ ลำไส้ ตับอ่อน ต่อมหมวกไต เยื่อบุช่องท้อง) คอหอยและทอนซิล ต่อมน้ำลายพาโรติด ต่อมน้ำเหลือง กล้ามเนื้อ ข้อและกระดูก สมอง เป็นต้น

การติดเชื้อเมลิออยโดซิส แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ การติดเชื้อเฉพาะที่ กับการติดเชื้อในกระแสเลือด (ซึ่งยังแบ่งย่อยเป็นแบบแพร่กระจาย และแบบไม่แพร่กระจาย)

อาการ

โรคนี้มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ

1. ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน มักจะมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (เช่น มาลาเรีย ไทฟอยด์ สครับไทฟัส เล็ปโตสไปโรซิส) และมักมีอาการของปอดอักเสบ หรือเป็นฝีกระจายไปทั่วปอด คล้ายการติดเชื้อสแตฟีโลค็อกคัสออเรียส (มีอาการไอ เจ็บหน้าอก หายใจหอบ) บางรายอาจมีการติดเชื้อของตับ (ปวดชายโครงขวา ตับโต ดีซ่าน) ม้าม (ปวดชายโครงซ้าย ม้ามโต) ไต (เป็นฝี) ผิวหนัง (ขึ้นเป็นตุ่มนูน ตุ่มหนอง เป็นฝี เป็นต้น) หรืออวัยวะอื่น ๆ ร่วมด้วย

ในรายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบแพร่กระจาย มักมีการอักเสบของอวัยวะหลายแห่งพร้อมกัน อาการจะเป็นมากขึ้นรวดเร็วภายใน 2-3 วัน จนเกิดภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง

ในรายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบไม่แพร่กระจาย มักจะมีอาการไข้ และอาจมีการติดเชื้อของปอดและอวัยวะอื่นร่วมด้วยเพียง 1-2 แห่ง บางรายอาจไม่พบตำแหน่งติดเชื้อชัดเจน อาการมักจะไม่รุนแรงและมีการเปลี่ยนแปลงช้า โอกาสที่เกิดภาวะช็อกค่อนข้างต่ำ และมีอัตราตายต่ำ แต่บางรายอาจกลายเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบแพร่กระจายในเวลาต่อมาก็ได้

2. ในรายที่มีการติดเชื้อเฉพาะที่ มักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป เรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำหรือไม่มีไข้ก็ได้ มักมีอาการน้ำหนักลด และมีอาการแสดงตามความผิดปกติของอวัยวะที่ติดเชื้อ (อาจเกิดเพียง 1 แห่ง หรือพร้อมกันหลายแห่ง) เช่น

    ปอด มีอาการไอเรื้อรัง น้ำหนักลด คล้ายวัณโรคปอด หรือมะเร็งปอด
    ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอ มีอาการต่อมน้ำเหลืองข้างคอโตเรื้อรัง (อาจมีอาการปวดและแดงร้อนหรือไม่ก็ได้) คล้ายวัณโรคต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    ผิวหนัง มีรอยโรคได้หลายแบบ อาจเริ่มด้วยก้อนนูนขนาด 1-2 ซม. อาจมีอาการเจ็บ แต่ไม่มีอาการแดงร้อน (ทำให้ไม่คิดถึงการอักเสบ) หรืออาจมีอาการของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ การติดเชื้อของบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือแผลอักเสบ หรือเป็นฝีแล้วแตกออกเป็นแผล (อาจกลายเป็นแผลเรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ถึง 10 ปี) รอยโรคที่ผิวหนังอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง และเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของผิวกาย บางรายอาจมีภาวะโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อนได้
    ตับ เป็นฝี เป็นก้อนบวมคลำได้ที่ใต้ชายโครงขวา
    ม้าม เป็นฝี เป็นก้อนบวมคลำได้ที่ใต้ชายโครงซ้าย
    คอหอยและทอนซิล มีอาการไข้ เจ็บคอ ทอนซิลบวมโต เป็นหนองแบบทอนซิลอักเสบ อาจมีประวัติว่าได้ยารักษาทอนซิลอักเสบมา 1-2 สัปดาห์แล้วยังไม่ดีขึ้น
    กล้ามเนื้อและกระดูก พบกล้ามเนื้ออักเสบเป็นหนอง (pyomyositis) กระดูกอักเสบเป็นหนอง (osteomyelitis) ข้ออักเสบ (ข้อบวมแดงร้อน)
    ทางเดินปัสสาวะ พบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ฝีไต ฝีรอบไต (perirenal abscess)
    อื่น ๆ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีสมอง ก้านสมองอักเสบ (brain stem encephalitis) ฝีลำไส้ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ฝีต่อมหมวกไต ฝีตับอ่อน เป็นต้น

ในเด็ก (อายุต่ำกว่า 14 ปี) มักจะพบต่อมน้ำลายข้างหู (พาโรติด) อักเสบเป็นหนอง (suppurative parotitis) ซึ่งไม่พบในผู้ใหญ่ มักเป็นเพียงข้างเดียว โดยมีอาการไข้ ปวดบวมบริเวณหน้าหูคล้ายคางทูม ก้อนจะบวมแดงมากขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และอาจมีตุ่มหนองขึ้นที่ผิวหนังบริเวณที่บวม หนองไหลออกจากหูข้างเดียวกัน หรือมีหนังตาอักเสบ (periorbital cellulitis) ร่วมด้วย บางรายอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย ซึ่งอาจรุนแรงถึงตายได้

โดยทั่วไป การติดเชื้อเฉพาะที่มักไม่รุนแรง มักไม่เกิดภาวะช็อก และมีอัตราตายต่ำ แต่บางรายปล่อยไว้ไม่รักษา อาจมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดแบบแพร่กระจายเกิดภาวะช็อก เป็นอันตรายได้


ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก็คือ ภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ และภาวะการหายใจล้มเหลว

อาจพบภาวะแทรกซ้อนทางปอด เช่น ภาวะมีหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด

อาจพบภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่เป็นเฉียบพลัน มักมีไข้สูง หายใจหอบ ฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) อาจมีตับโต ม้ามโต (อาจกดเจ็บหรือไม่ก็ได้) ดีซ่าน หรือมีเลือดออกใต้เยื่อบุตา (subconjunctival hemorrhage) อาจพบรอยโรคที่ผิวหนัง (ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี)

ในรายที่รุนแรงมักพบภาวะช็อก

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจมีไข้สูง ไข้ต่ำ ๆ หรือไม่มีไข้ก็ได้ มักมีน้ำหนักลด (ซูบผอม) ภาวะซีด และพบรอยโรคของอวัยวะที่เป็นโรค เช่น ปอด (มีเสียงกรอบแกรบ) ตับโต ม้ามโต ผิวหนัง (ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี แผลอักเสบ หรือแผลเรื้อรัง) ต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมน้ำลายข้างหูโต (คางทูม) ทอนซิลบวมแดงเป็นหนอง ข้อบวมแดงร้อน เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (คอแข็ง)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพบเชื้อโดยการย้อมหรือเพาะเชื้อจากเลือดหรือสิ่งคัดหลั่ง (เสมหะ ปัสสาวะ หนองจากผิวหนังหรือฝีของอวัยวะต่าง ๆ) อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (เช่น indirect hemagglutination test, ELISA) ทำการเอกซเรย์ปอด ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (ดูฝีในตับ ม้าม ไต) เจาะหลัง (ในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อของสมอง) ตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไต (AST, ALT, BUN, creatinine) ตรวจปัสสาวะ (ดูการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การดูแลตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ให้สารน้ำและเกลือแร่ ออกซิเจน ใช้เครื่องช่วยหายใจ ผ่าระบายหนอง เป็นต้น

ที่สำคัญคือต้องให้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เซฟทาซิไดม์ (ceftazidime) ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ อาจให้เพียงชนิดเดียว หรือให้ร่วมกับโคไตรม็อกซาโซลเข้าหลอดเลือดดำ บางกรณีอาจให้โคอะม็อกซิคลาฟ หรือยาปฏิชีวนะชนิดอื่นแทน

เมื่อดีขึ้นจะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน แบบเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงต่อไปอีก 20 สัปดาห์

2. ในรายที่อาการไม่รุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน เช่น

    โคไตรม็อกซาโซล ร่วมกับดอกซีไซคลีน
    ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือแพ้ยาข้างบน ให้โคอะม็อกซิคลาฟ

เมื่ออาการดีขึ้น (มักใช้เวลาประมาณ 10 วันหลังจากเริ่มให้ยา) ควรให้กินติดต่อกันนาน 20 สัปดาห์

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ถ้ามีอาการรุนแรงและเพาะเชื้อจากเลือดให้ผลบวก (ภาวะโลหิตเป็นพิษ) มีอัตราตายร้อยละ 40-75

ถ้ามีการติดเชื้อหลายแห่ง แต่เพาะเชื้อจากเลือดให้ผลลบ มีอัตราตายประมาณร้อยละ 20

ถ้ามีการติดเชื้อเฉพาะที่เพียง 1 แห่ง มีอัตราตายต่ำ ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติ

ผู้ป่วยต้องกินยานาน 20 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับกำเริบใหม่ พบว่าถ้าให้ยาน้อยกว่า 8 สัปดาห์ มีอัตราการกลับกำเริบใหม่ร้อยละ 23 และผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 27

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงร่วมกับอาการหนาวสั่น หรือมีไข้เรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองโต แผลเรื้อรัง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเมลิออยโดซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาปฏิชีวนะให้ครบตามระยะที่แพทย์กำหนด (อาจนานถึง 20 สัปดาห์) ถึงแม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 10 วัน
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง ชัก หรือแขนขาอ่อนแรง
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคนี้อย่างได้ผล

สำหรับพื้นที่ที่มีโรคนี้ชุกชุม ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และผู้ที่มีบาดแผลตามร่างกาย อาจลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเมลิออยโดซิส โดยการหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่ท่วมขังหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ หรือลงแช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง ถ้าต้องเดินย่ำน้ำหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ (ตามตรอก ซอย คันนา ท้องนา ท้องไร่) ให้ใส่รองเท้าบู๊ตหรือรองเท้าหุ้มข้อ

อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นกลุ่มเสี่ยง (เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สเตียรอยด์นาน ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรคนี้ชุกชุม) ให้เฝ้าระวังการเกิดโรคนี้ ถ้ามีอาการน่าสงสัยก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ให้การรักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามและการเกิดภาวะแทรกซ้อน

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายโรคติดเชื้อหลายชนิด ทุกครั้งที่วินิจฉัยแยกแยะอาการของโรคติดเชื้อ (เช่น ไข้ ไอ รอยโรคที่ผิวหนัง เป็นต้น) ควรคิดถึงโรคนี้ไว้ด้วยเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ทางภาคอีสานและมีโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้ยาสเตียรอยด์มานาน ๆ หรือในกรณีให้การรักษาโรคติดเชื้ออื่น ๆ (เช่น คางทูม ทอนซิลอักเสบ ฝี แผล ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ข้ออักเสบ เป็นต้น) แล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจเกิดจากโรคนี้ก็ได้

ในรายที่มีไข้และไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ต้องแยกระหว่างวัณโรคปอดกับเมลิออยโดซิส ถ้าตรวจไม่พบเชื้อวัณโรคในเสมหะ หรือให้ยารักษาวัณโรคแล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจเกิดจากเมลิออยโดซิสได้

2. โรคนี้บางครั้งมีอาการคล้ายมะเร็ง คือ น้ำหนักลดรวดเร็ว และมีก้อนบวม (เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ก้อนตับหรือม้ามที่ค่อย ๆ โตขึ้น) นานเป็นแรมเดือนแรมปี หากผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นเมลิออยโดซิส ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจยืนยัน และถ้าเป็นโรคนี้จริงก็สามารถให้การรักษาให้หายขาดได้

3. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจังและกินยาต่อเนื่องนาน 20 สัปดาห์ หากกินไม่สม่ำเสมอหรือกินไม่ครบตามกำหนด ก็อาจมีอาการกำเริบใหม่ได้ (มักเกิดภายใน 21 สัปดาห์ หลังหยุดยา บางรายอาจนานถึง 5 ปีกว่า) ผู้ป่วยที่มีอาการกำเริบใหม่อาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

2
4 ค่าใช้จ่ายพึงประเมิน ก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน และวิธีคำนวณความคุ้มค่า

การ "รีไฟแนนซ์บ้าน" เป็นวิธียอดฮิตที่ผู้ขอสินเชื่อใช้เพื่อขอลดดอกเบี้ย และปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการชำระหนี้ให้ง่ายขึ้น ซึ่งก่อนที่จะขอรีไฟแนนซ์บ้าน ผู้ขอสินเชื่อควรต้องประเมินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และคำนวณความคุ้มค่าในระยะยาว เพื่อให้แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์บ้านครั้งนี้จะเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการชำระหนี้ และช่วยให้ประหยัดเงินได้จริง วันนี้…เราจะพามารีเช็กข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ผู้ขอสินเชื่อควรคิดคำนวณให้ดีก่อนการรีไฟแนนซ์บ้านกันค่ะ

4 ค่าใช้จ่ายพึงประเมิน ก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน

1. ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ หรือ ค่าโอน เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้กู้ต้องจ่ายให้กับสำนักงานที่ดิน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าหนี้หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน โดยปกติค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จะคิดเป็น 2% ของราคาประเมินหรือมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจมีมูลค่าสูง ในกรณีที่ทรัพย์สินมีมูลค่าสูง หากผู้ขอสินเชื่อต้องการลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจเลือกธนาคารที่มีโปรโมชันในการรีไฟแนนซ์บ้านที่ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น โปรโมชัน "ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน" เป็นต้น

2. ค่าจดจำนอง เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการจดทะเบียนทรัพย์สินเป็นหลักประกันในการกู้เงิน หรือขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยธนาคารจะเป็นผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จดจำนอง เมื่อผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อตกลง ธนาคารจะสามารถยึดทรัพย์สิน และขายทอดตลาดเพื่อชดเชยหนี้สินได้ โดยปกติค่าจดจำนองจะอยู่ที่ 1% ของวงเงินสินเชื่อที่ทำการรีไฟแนนซ์ ยิ่งวงเงินกู้สูง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะสูงตามไปด้วย ผู้ขอสินเชื่อสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ หากเลือกธนาคารที่มีโปรโมชันฟรีค่าจดจำนอง เป็นต้น

3. ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการประเมินมูลค่าของทรัพย์สิน ก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน โดยค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท
 
ปกติธนาคารจะทำการประเมินทรัพย์สินเพื่อทราบมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกต้องตามสภาพปัจจุบัน ช่วยให้ธนาคารสามารถกำหนดวงเงินสินเชื่อให้เหมาะสมกับมูลค่าของทรัพย์สินนั้นๆ ซึ่งขั้นตอนในการประเมินทรัพย์สิน คือ ธนาคารจะส่งผู้ประเมินที่ได้รับอนุญาต เข้าพื้นที่บ้านหรือทรัพย์สินที่ต้องการประเมิน เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน เช่น การดูสภาพภายนอกและภายใน ทำเลที่ตั้ง ความต้องการของตลาด และคุณสมบัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อทำการประเมินทรัพย์สินแล้ว ผู้ประเมินจะจัดทำรายงานประเมินมูลค่าทรัพย์สินเพื่อส่งให้กับธนาคารพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

4. ค่าประกันชีวิต (MRTA/MLTA) เป็นค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการทำประกันชีวิตควบคู่กับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นประกันเพื่อคุ้มครองกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตก่อนที่จะชำระหนี้หมด ซึ่งประกันนี้ช่วยให้ธนาคารมั่นใจว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เงินกู้จะได้รับการชำระคืนแน่นอนจากบริษัทประกัน และไม่ตกเป็นภาระต่อครอบครัวผู้กู้ ประกันชีวิตสำหรับสินเชื่อนี้มี 2 รูปแบบหลัก คือ MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance) และ MLTA (Mortgage Level Term Assurance) ซึ่งมีรายละเอียดและความแตกต่างกัน คือ

MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance)
วงเงินความคุ้มครองจะลดลงตามยอดหนี้ที่ลดลงไปเรื่อยๆ
หากผู้กู้เสียชีวิตก่อนชำระหนี้หมด บริษัทประกันจะจ่ายหนี้ที่เหลือให้ธนาคารตามวงเงินคงเหลือของหนี้ในช่วงเวลานั้น
ค่าเบี้ยประกันจะถูกกว่าประกันแบบ MLTA เพราะวงเงินคุ้มครองลดลงตามการผ่อนชำระหนี้
MLTA (Mortgage Level Term Assurance)
วงเงินความคุ้มครองคงที่ตลอดอายุสัญญาประกัน ไม่ว่าผู้กู้จะชำระหนี้ไปเท่าไรแล้ว
หากผู้กู้เสียชีวิตก่อนชำระหนี้หมด บริษัทประกันจะจ่ายวงเงินคุ้มครองตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น ไม่ลดลงตามยอดหนี้
ค่าเบี้ยประกันสูงกว่า MRTA เพราะวงเงินคุ้มครองคงที่ และให้ความคุ้มครองมากกว่า


วิธีคำนวณความคุ้มค่าในการรีไฟแนนซ์

หลังจากที่เราทราบค่าใช้จ่ายพึงประเมิน ก่อนการตัดสินใจ รีไฟแนนซ์บ้านกันแล้ว ลำดับถัดไป เราควรคำนวณว่าการรีไฟแนนซ์บ้านครั้งนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ โดยอาจพิจารณาจาก
 
1. เปรียบเทียบระหว่างอัตราดอกเบี้ยเก่ากับอัตราดอกเบี้ยใหม่
 
เหตุผลหลักของการรีไฟแนนซ์บ้าน คือต้องการลดอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น ผู้กู้ควรคำนวณด้วยว่าอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ลดลง จะทำให้ยอดหนี้ที่ต้องชำระลดลงเท่าใด โดยอาจเปรียบเทียบดอกเบี้ยเก่ากับดอกเบี้ยใหม่ทั้งในระยะสั้น (3 ปีแรก) และระยะยาว เพราะการลดลงของดอกเบี้ยจะทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง และจะส่งผลให้ยอดดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมดในระยะยาวลดลงไปด้วย​

2. ระยะเวลาคืนทุนจากค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์
 
เป็นการคำนวณว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าใดที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรีไฟแนนซ์บ้านจะคุ้มทุนจากการประหยัดดอกเบี้ยได้ ซึ่งการคำนวณนี้จะช่วยให้ผู้กู้ทราบว่าการรีไฟแนนซ์เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ในระยะยาวนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างการคำนวณ : นาย A ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน โดยคำนวณค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์แล้วทั้งสิ้นอยู่ที่ 80,000 บาท โดยนาย A สามารถประหยัดเงินจากดอกเบี้ยได้เดือนละ 2,000 บาท ดังนั้นระยะเวลาคืนทุนของการรีไฟแนนซ์บ้านในครั้งนี้ คิดเป็น ระยะเวลาคืนทุน = 80,000 / 2,000 เท่ากับ 40 เดือน หรือประมาณ 3 ปี 4 เดือน
 
สรุปได้ว่า...การรีไฟแนนซ์บ้านครั้งนี้

คุ้มค่า : หากนาย A มีแผนจะถือครอง หรืออยู่อาศัยในบ้านหลังนี้เกินกว่าระยะเวลาคืนทุน หรือมากกว่า 3 ปี 4 เดือน การรีไฟแนนซ์บ้านครั้งนี้จะถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะสามารถคืนทุนได้จากการประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว

ไม่คุ้มค่า : หากนาย A มีการวางแพลนที่จะขายบ้าน หรือรีไฟแนนซ์เพื่อย้ายธนาคารก่อนที่จะถึงจุดคุ้มทุน การรีไฟแนนซ์บ้านครั้งนี้ก็อาจจะไม่คุ้มค่า เนื่องจากระยะเวลาสั้นเกินไป และยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน
 
3. การประเมินความเสี่ยง และความยืดหยุ่นในการชำระหนี้
 
ปัจจัยอื่นนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรีไฟแนนซ์บ้าน และเรื่องของอัตราดอกเบี้ยแล้ว ผู้กู้ควรพิจาณาความยืดหยุ่นในการผ่อนชำระหนี้ เช่น กรณีต้องการขยายเวลาผ่อนชำระเพื่อลดยอดผ่อนต่อเดือน หรือกรณีลดระยะเวลาการผ่อนชำระเพื่อปิดจบหนี้ให้เร็วขึ้น เป็นต้น เพื่อให้แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้จะสร้างภาระเพิ่มในอนาคต
สรุปแล้ว การรีไฟแนนซ์สามารถช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้จริง และช่วยทำให้การผ่อนบ้านง่ายขึ้น ทั้งนี้ก่อนจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านควรทำความเข้าใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยให้ดี  รวมถึงคำนวณความคุ้มค่าที่จะได้จากการรีไฟแนนซ์บ้านครั้งนี้อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าการรีไฟแนนซ์นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องนะคะ

3
อาหารสายยาง สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร

การรับประทานอาหาร เป็นเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ และการรับประทานอาหารเอง ก็ส่งผลต่อภาวะย่อยอาหารและการดูดซึมของร่างกายโดยปกติแล้ว เมื่อร่างกายเรามีภาวะอาหารหรือดูดซึมอาหารที่ผิดปกติ มักทำให้เกิดปัญหาโรคหรือความผิดปกติต่าง ๆเช่น โรคลำไส้อักเสบ ภาวะตับอ่อนล้มเหลว โดยระบบย่อยอาหารนั้น มีหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่เรารับประทานเข้าไปให้กลายเป็นพลังงานเพื่อให้ร่างกายได้นำไปใช้ รวมทั้งขับกากอาหารหรือของเสียออกนอกร่างกาย ผ่านทางทวารหนักโดยอวัยวะในระบบย่อยอาหารจะประกอบด้วยปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ตับ ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้ตรง และทวารหนัก ซึ่งล้วนทำงานร่วมกันเพื่อให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

แต่ถ้าหากเราอยากมีระบบย่อยอาหารที่ดีเราก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประจำวันเพราะอาจจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและความผิดปกติของระบบย่อยอาหารได้ยกตัวอย่างเช่น ควรล้างมือให้สะอาดก่อนการรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลาและในปริมาณที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญต้องลดความเครียดเพราะความเครียดอาจส่งผลต่อระบบการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทั้งนี้ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสเผ็ด และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ซึ่งก็เป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารสารพัดเช่น โรคกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน โรคมะเร็ง นอกจากนี้ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารและระบบการดูดซึมอาหารผิดปกติ สามารถรับประทานอาหารทางการแพทย์ได้เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมไปใช้ได้ทันที

สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องอาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้ที่ มีปัญหาในการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ซึ่งอาหารทางการแพทย์ในกลุ่มนี้ จะมีลักษณะพิเศษคือ ใช้โปรตีนเวย์ที่ผ่านการย่อยแล้วบางส่วน รวมถึงมีกรดไขมันความยาวปานกลางที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่ากรดไขมันทั่วไปจึงทำให้ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารโปรตีนและไขมันทำได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการย่อยและการดูดซึมอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัด ผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้สั้นหรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับหรือตับอ่อนทำให้ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารมีความผิดปกติและนอกจากนี้ อาหารทางการแพทย์กลุ่มนี้ยังเหมาะสำหรับเป็นอาหารทางสายยางให้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้หรือผู้ป่วยที่หมดสติ

ซึ่งการย่อยอาหารและการดูดซึมอาหารของร่างกายที่มีความผิดปกตินั้นจะส่งผลให้ลดการดูดซึมของสารอาหารจึงเป็นการยากที่ร่างกายจะได้รับของเหลว เกลือแร่ สารอาหารแร่ธาตุและวิตามินต่างๆได้ตามปกติตามที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ ซึ่งถ้าหากเรามีระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมอาหารร่างกายที่ผิดปกติก็จะมีอาการต่างๆเช่น อาการท้องร่วงหรือถ่ายในปริมาณมาก รวมไปถึงอาการกระหายน้ำอย่างหนักและน้ำหนักลด สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะตับอ่อนล้มเหลวจะมีการผลิตเอนไซม์ย่อยอาหารลดลง ส่งผลให้ร่างกายมีภาวะย่อยอาหารผิดปกติและลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดีและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบเรื้อรังจะมีความเสี่ยงสูง

นอกจากนี้ความผิดปกติที่เกี่ยวกับระบบย่อยหารที่พบได้บ่อยก็สามารถพบได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยจะมีอาการท้องเสีย ท้องผูก เกิดโรคถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคกรดไหลย้อน นิ่วในถุงน้ำดี โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ และเป็นแผลเรื้อรังโรคริดสีดวงทวาร โรคลำไส้แปรปรวนหรืออาจเกิดแผลฉีกหรือปริบริเวณขอบทวารหนักได้ ซึ่งคนที่มีปัญหาในกลุ่มนี้ควรได้รับสารอาหารที่เหมาะสมต่อร่างกายและควรเป็นอาหารที่สามารถย่อยง่ายเพื่อให้ระบบการย่อยอาหารได้ทำงานไม่หนักมาก

อย่างไรก็ตามอาหารทางการแพทย์สำหรับเด็กที่มีปัญหาในการย่อยอาหารและการดูดซึมไขมันจึงมีกรดไขมันประมาณ 50% ของไขมันทั้งหมดออย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีปริมาณโปรตีนค่อนข้างน้อยหรือ 12% ของพลังงานทั้งหมดร่างกายจึงต้องมีความจำเป็นต้องพิจารณาในการเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารทางการแพทย์สูตรเฉพาะโรคนั้น มีหลากหลายสูตรซึ่งเราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับ ผู้ป่วยให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยแพทย์จะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล เนื่องจากร่างกายของเรามีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุที่มีโรคเบาหวานและมีความเสื่อมของไตร่วมด้วยจะต้องพิจารณาให้มีการประเมินก่อนการใช้อาหารทางการแพทย์เพื่อที่จะสามารถแนะนำสูตรที่เหมาะสมได้

ดังนั้นก่อนจะพิจารณาเลือกใช้อาหารทางการแพทย์สูตรใดก็ตาม เราควรปรึกษาแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับทางด้านอาหารเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดที่ผู้ป่วยจะได้รับ และที่สำคัญในเรื่องของปริมาณของอาหารก็ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นมากเช่นเดียวกันเพราะอาหารหากเรารับประทานน้อยเกินไปหรือมากเกินไปล้วนส่งผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น หากเรารับประทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาเนื่องจากร่างกายได้รับสารอาหารเกินความจำเป็น แต่ถ้าหากได้รับสารอาหารที่น้อยเกินไปอาจจะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารได้ ดังนั้นเราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายและมีประโยชน์มากที่สุด เพื่อให้ร่างกายได้มีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่รวมทั้งยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


5
ปล่อยรถป้ายแดง Volvo EX30 Ultra - Single Motor Extended Range ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

วอลโว่ Volvo EX30 Ultra Single Motor Extended Range ปี 2023
Volvo EX30 CORE Ultra Single Motor Extended Range รถพรีเมี่ยม SUV ขนาดเล็กที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมา ผ่านเทคโนโลยีและดีไซน์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนเพื่อมอบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่มากขึ้นแก่ผู้ใช้งานวอลโว่ ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์เดี่ยว Extended Range ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ NMC แบบ extended-range ให้ระยะทางสูงสุดถึง 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 153kW

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 4 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
พิเศษสำหรับลูกค้า Checkraka รับส่วนลดเพิ่ม 50,000 บาท
Volvo Premium Service Package - Pro ถึง 22/3/2029

ราคาพิเศษ 1,490,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Volvo
   รุ่น                  วอลโว่ Volvo EX30 Ultra Single Motor Extended Range ปี 2023
   ประเภทรถ         รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว          2023


6
การจัดฟันเด็ก ลดโอกาสการเกิดฟันล้มได้หรือไม่

ปัญหาฟันล้ม เป็นการเคลื่อนที่ของฟันที่ล้มหรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเพื่อหาความสมดุลหรือเพื่อยึดเกาะฟันซี่ที่อยู่ข้างเคียงหรือที่เราเรียกกันว่าฟันเกนั่นเอง มักจะพบได้ในฟันซี่ที่อยู่ใกล้ ๆ ฟันที่ถูกถอนออกไปจนเกิดช่องว่างระหว่างฟันและไม่มีฟันมาทดแทน ซึ่งโดยปกติแล้วฟันของเรานั้น มีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และอาการฟันล้มแหล่านี้จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น การบดเคี้ยวอาหารไม่ลงตามแนวแกนของฟัน เกิดปัญหาการสบกระแทกของฟัน หรือลามไปจนถึงอาจก่อให้เกิดโรคปริทันต์ตามมาได้ ซึ่งปัญหาฟันล้มนั้น สามารถเกิดขึ้นในเด็กได้เช่นเดียวกัน


หากเด็กมีอาการฟันผุและเกิดสูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะเป็นในช่วงของฟันน้ำนมหรือฟันแท้ ก็ทำให้เกิดฟันล้มได้ เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรที่จะดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้ดี หรือควรที่จะสอนให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันของเด็กได้ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตามมา

ซึ่งปัญหาฟันล้มในเด็กนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเมื่อไหร่เด็กเกิดช่องว่างจากการถอนฟันไปก่อนวัยอันควร ในเด็กที่อายุยังไม่ถึง 12 ปี หรือในเด็กที่ฟันกรามน้อยยังไม่ขึ้น ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม หรือเครื่องมือกันที่ การใส่ก็ไม่ยุ่งยากและไม่เจ็บ โดยในครั้งแรกทันตแพทย์จะลองแบนด์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนแหวนสวมไปที่ฟันที่จะใช้เป็นหลักเพื่อหาขนาดที่พอดีกับฟันซี่นั้นๆก่อน จากนั้นจึงพิมพ์ปากเพื่อจำลองแบบในปากออกมาใช้ในการทำเครื่องมืออีกที แต่การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถป้องกันการเกิดฟันล้มได้เช่นเดียวกัน เพราะถือว่าการจัดฟันเป็นการรักษาที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฟันล้ม ฟันเอียง ฟันเคลื่อนหรือฟันเก เป็นต้น เพราะการจัดฟันเป็นการใช้เหล็กหรือลวดดึงฟันให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือตำแหน่งเดิม


ซึ่งการจัดฟันก็สามรถจัดได้หลายวิธีเลย แต่การจัดฟันในเด็กที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันล้มในเด็ก ก็มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ คือการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบ EF Line และการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟัน การสวมใส่เครื่องมือ EF Line นั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันล่างสบคร่อมฟันบน ถ้าไม่ทำการรักษาจะทำให้ขากรรไกรเจริญผิดปกติ เช่น ขากรรไกรบนถูกจำกัดการเจริญเติบโตในขณะที่ขากรรไกรล่างเติบโตได้ ทำให้เกิดลักษณะใบหน้าเว้า และอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกรได้ ซึ่งอาจจะส่งผลตอการขึ้นของฟันแท้ด้วย และการจัดฟันในเด็กโดยการจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มได้อย่าง 100 % เพราะเครื่องมือการจัดฟัน จะทำให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องได้

ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรหมั่นดูแลความสะอาดของสุขภาพฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาภายในช่องปากเบื้องต้นที่เราย่อมรู้กันดี เพราะการดูแลความสะอาดถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ สามรถตัดปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาได้ เช่น ฟันผุจนต้องถอนฟันและนำมาซึ่งปัญหาของฟันล้ม ฟันเอียงได้นั่นเอง

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาเด็กๆเข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะเรามีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องปัญหาฟันของเด็กและวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้เด็ก เพื่อที่เด็กจะได้มีความเข้าใจในการดูแลรักษาความสะอาดฟัน และจะได้มีฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

7
เมนูอาหารจานเดียว/กับข้าว (เน้นขายง่าย ทานสะดวก) สร้างรายได้ แบบปังๆ

การสร้างรายได้แบบ "ปังๆ" จากเมนูอาหารจานเดียว/กับข้าว (เน้นขายง่าย ทานสะดวก) ต้องการมากกว่าแค่ความอร่อยและความสะดวกสบาย ต้องมีจุดเด่นที่ดึงดูดลูกค้าจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และสร้างกระแสหรือความนิยมอย่างต่อเนื่อง นี่คือแนวคิดและตัวอย่างเมนูที่เน้นขายง่าย ทานสะดวก และมีศักยภาพในการสร้างรายได้แบบปังๆ:

หลักการสำคัญ

ความว้าว/เอกลักษณ์: มีสิ่งที่ทำให้เมนูของคุณโดดเด่นและแตกต่างจากร้านอื่นๆ อย่างชัดเจน
กระแส/ความแปลกใหม่: ตามเทรนด์อาหาร หรือสร้างสรรค์เมนูที่ไม่เคยมีมาก่อน
การตลาดที่แข็งแกร่ง: สร้างการรับรู้และดึงดูดลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสบการณ์ที่น่าจดจำ: นำเสนออาหารและบริการที่สร้างความประทับใจ


ตัวอย่างเมนูที่มีศักยภาพสร้างรายได้แบบปังๆ:

ข้าวกะเพรา "XXXL" / "ท้าพิสูจน์ความเผ็ด":

จุดเด่น: ขนาดใหญ่พิเศษ ทานได้หลายคน หรือระดับความเผ็ดที่ท้าทายนักกินเผ็ด สร้างกระแสบนโซเชียลมีเดีย
เคล็ดลับ: ถ่ายรูป/วิดีโอเมนูให้น่าสนใจ, จัดโปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ทานหมด/ชนะความเผ็ด, มีรางวัลหรือของที่ระลึก


ข้าวไข่ข้น "ภูเขาไฟชีส" / "ต้มยำทะเลเดือด":

จุดเด่น: ไข่ข้นเยิ้มๆ ราดด้วยชีสลาวาปริมาณมาก หรือท็อปปิ้งต้มยำทะเลรสชาติจัดจ้านและเครื่องแน่น
เคล็ดลับ: เน้นความอลังการของท็อปปิ้ง, ถ่ายวิดีโอตอนราดชีส/ตักเครื่องต้มยำ, สร้างความแตกต่างด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์


บะหมี่/เกี๊ยว "จักรพรรดิ" / "รวมญาติ":

จุดเด่น: ชามใหญ่พิเศษ รวมเครื่องทุกอย่างที่มีในร้าน (หมูแดง, หมูกรอบ, เกี๊ยว, ซี่โครง, เป็ดย่าง) ทานได้หลายคน
เคล็ดลับ: จัดวางเครื่องให้สวยงาม, ตั้งชื่อที่ดึงดูด, โปรโมทเป็นเมนูสำหรับครอบครัว/กลุ่มเพื่อน


ข้าวหน้า "เนื้อวากิว A4 ย่างถ่าน" / "แซลมอนย่างซอสไข่ปลาเมนไทโกะ":

จุดเด่น: ใช้วัตถุดิบพรีเมียมที่ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
เคล็ดลับ: เน้นคุณภาพของวัตถุดิบ, มีการนำเสนอที่สวยงาม, สร้างเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาของวัตถุดิบ


เมนู "Black Series" / "Pink Edition":

จุดเด่น: สร้างความแปลกใหม่ด้วยสีสันของอาหาร เช่น ข้าวกะเพราหมึกดำ, บะหมี่เย็นสีชมพูจากบีทรูท
เคล็ดลับ: สีสันต้องมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ, รสชาติอร่อยลงตัว, เน้นความแปลกตาและน่าถ่ายรูป


"DIY" เมนูตามใจฉัน:

จุดเด่น: ให้ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบและเครื่องปรุงได้เอง สร้างความสนุกและตอบโจทย์ความชอบส่วนบุคคล
เคล็ดลับ: มีวัตถุดิบให้เลือกหลากหลาย, มีคำแนะนำในการจับคู่รสชาติ, ตั้งราคาตามจำนวนวัตถุดิบที่เลือก


เมนู "Viral Challenge":

จุดเด่น: สร้างเมนูที่มีความท้าทาย เช่น เผ็ดที่สุด, ปริมาณเยอะที่สุด, กินให้หมดภายในเวลาที่กำหนด
เคล็ดลับ: โปรโมทผ่านโซเชียลมีเดีย, มีรางวัลสำหรับผู้ชนะ, สร้างแฮชแท็กให้คนร่วมสนุก


กลยุทธ์สร้างรายได้แบบปังๆ:

การตลาดออนไลน์ที่แข็งแกร่ง: ใช้โซเชียลมีเดียสร้างกระแสไวรัล, Influencer Marketing, คอนเทนต์ที่น่าสนใจ
โปรโมชั่นที่ดึงดูด: จัดโปรโมชั่นเปิดตัว, โปรโมชั่นตามเทศกาล, โปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่/ลูกค้าประจำ
สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ: การบริการที่ดี, บรรยากาศร้านที่โดดเด่น (ถ้ามีหน้าร้าน), แพ็กเกจจิ้งที่สวยงาม
Collaboration: ร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ หรือ Influencer เพื่อขยายฐานลูกค้า
Storytelling: เล่าเรื่องราวเบื้องหลังเมนูหรือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์
Limited Edition: สร้างเมนูพิเศษจำนวนจำกัดเพื่อกระตุ้นความต้องการ
การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: สร้างโลโก้, สโลแกน, และภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ


ข้อควรระวัง:

รักษาคุณภาพ: แม้จะเน้นความหวือหวา แต่รสชาติและคุณภาพต้องดีด้วย
ความสม่ำเสมอ: หากเมนูได้รับความนิยม ต้องสามารถผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ
การจัดการต้นทุน: ควบคุมต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะใช้วัตถุดิบพิเศษ
ความปลอดภัย: คำนึงถึงความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะเมนูท้าทาย

การสร้างรายได้แบบ "ปังๆ" ต้องการความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่น กล้าที่จะแตกต่าง และมีการวางแผนการตลาดที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหาร หากทำได้ตามนี้ เมนูของคุณก็มีโอกาสสร้างกระแสและรายได้อย่างถล่มทลายครับ!

8
วัดสระแก้วสวรรค์เหมาะใส่ชุดขาวปฏิบัติธรรม นั่งทำสมาธิพัฒนาตนเอง ฝึกฝนสติ

วัดสระแก้วเป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนครพนม มีชื่อเสียงในเรื่องของความสวยงามและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดสระแก้วเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระวิหารที่เป็นอาคารหลักของวัดใส่ชุดขาว ชุดขาวชาย ชุดขาวหญิง ชุดขาวปฏิบัติธรรม มาเที่ยววัดซึ่งเป็นอาคารที่มีความสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก

วัดสระแก้วเป็นวัดที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ หากคุณสนใจที่จะไปเที่ยวชมวัดสระแก้ว คุณสามารถเดินทางไปได้โดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางจากตัวเมืองนครพนม วัดสระแก้วตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออันเงียบสงบของประเทศไทย ในจังหวัดนครพนม เป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรมและดื่มด่ำกับความสงบของคำสอนของพุทธศาสนา วัดแห่งนี้เป็นสวรรค์ทางจิตวิญญาณที่ผสมผสานความงามตามธรรมชาติเข้ากับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณอันล้ำลึก ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทำสมาธิและการเจริญสติ

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณ
วัดสระแก้วขึ้นชื่อในเรื่องความเงียบสงบ รายล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจีและทิวเขาที่อยู่ไกลออกไป บรรยากาศที่สงบเงียบทำให้ผู้มาเยือนสามารถจดจ่ออยู่กับการทำสมาธิและปฏิบัติธรรมได้อย่างลึกซึ้ง ห่างไกลจากสิ่งรบกวนในชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบของวัดทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปในการไตร่ตรองคำสอนของพระพุทธเจ้า พัฒนาตนเอง และฝึกฝนสติ

ปฏิบัติธรรม ณ วัดสระแก้ว
วัดแห่งนี้ยินดีต้อนรับทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการปฏิบัติธรรม มีการนั่งสมาธิและสวดมนต์ทุกวันเพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมฝึกจิตใจให้เข้มแข็งและเข้าใจคำสอนของพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ วัดยังจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมเพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ดื่มด่ำกับการทำสมาธิอย่างเต็มที่ โดยมีพระภิกษุผู้มีประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ

วัดขอเชิญชวนผู้มาเยี่ยมชมให้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติของวัดเกี่ยวกับการฝึกสติ โดยรักษาสภาพแวดล้อมที่สงบสุขและเคารพซึ่งกันและกันตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก พระสงฆ์ที่วัดสารแก้วจะสอนหลักธรรมต่างๆ เช่น การฝึกสติ ความเมตตา และหนทางสู่การตรัสรู้ คำสอนเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ถึงวิธีนำหลักธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อส่งเสริมความสงบภายในและความเป็นอยู่ที่ดี

เที่ยวจังหวัดนครพนม
นอกจากการปฏิบัติธรรมแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเยือนวัดสระแก้วยังสามารถสัมผัสความงามของจังหวัดนครพนมได้อีกด้วย จังหวัดนครพนมตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์และทิวทัศน์ที่สวยงาม หลังจากปฏิบัติธรรมแล้ว คุณสามารถไปเยี่ยมชมพระธาตุพนมอันเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจดีย์พุทธที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุดในประเทศไทย หรือเดินเล่นชิลล์ ๆ ริมฝั่งแม่น้ำ

วัดสระแก้วในจังหวัดนครพนมไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกับตัวตนภายในของตนเอง ฝึกสติ และเติบโตทางจิตวิญญาณ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในสายธรรมะหรือผู้ปฏิบัติธรรมที่มากประสบการณ์ วัดแห่งนี้มีบรรยากาศที่สงบเงียบและช่วยให้คุณเข้าถึงหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทำให้การมาเยือนวัดสารแก้วของคุณเป็นประสบการณ์ที่มีความหมายด้วยการดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบและภูมิปัญญาทางจิตวิญญาณ

9
คอนโดติดรถไฟฟ้า ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท - แพรกษา (The Origin Sukhumvit Praksa)
1.49 ลบ.

ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท - แพรกษา (The Origin Sukhumvit Praksa)
พบกับ คอนโดใหม่! ใกล้ BTS แพรกษา ใกล้ Robinson สมุทรปราการ เร็วๆ นี้

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท - แพรกษา (The Origin Sukhumvit Praksa
 เจ้าของโครงการ        ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
 แบรนด์ย่อย              ดิ ออริจิ้น
 ราคา                     1.49 ลบ.
 คำนวณเงินผ่อน
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล               คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 เนื้อที่ทั้งหมด               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนตึก                   โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น                  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้อง                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ที่จอดรถทั้งหมด           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง          ถนนแพรกษา ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 10280

 ขนส่งสาธารณะ     
 รถไฟฟ้า                 ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(แพรกษา)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Robinson
Big C
โรงเรียนสมุทรปราการ
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ

 ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

10
bigbike ฮอนด้า Honda CB 650R ปี 2024
312,100 บาท 

ฮอนด้า Honda CB 650R ปี 2024
New CB650R มาพร้อมคอนเซปต์ Roar of The Road ถ่ายทอดความเป็น Neo Sport Cafe ที่โดดเด่นในทุกมุมมอง มาพร้อมสีสันใหม่ Sword Silver Metallic ที่ให้ความสุขุม เท่แบบเรียบง่าย แต่เติมเต็มพลังให้กับไบค์เกอร์สายสตรีทได้อย่างลงตัว

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์         Honda
   รุ่น            ฮอนด้า Honda CB 650R ปี 2024
   ประเภทรถ       Naked Bigbike
   ปีที่เปิดตัว       2024
   ราคา           312,100 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์        เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์          6 เกียร์
   รายละเอียดเครื่องยนต์ 4 สูบ, DOHC
   ระบบระบายความร้อน  น้ำ
   ระบบสตาร์ท         สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 649 CC
   แบบเครื่องยนต์       4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด        Digital Transistorized
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง  เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน        หัวฉีด (PGM-Fi)
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)  15.4 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน       ล้อหน้า 41mm USD separate function fork, ล้อหลัง Monoshock damper with adjustable preload
   ระบบเบรค            ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Hydraulic double disc), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Hydraulic disc)
   แบบวงล้อ            แมกซ์
   ขนาดยาง                 ล้อหน้า 120/70 ZR17 M/C 58W, ล้อหลัง 180/55 ZR17 M/C 73W
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  2,145 x 784 x 1,076 มม.
   น้ำหนักตัวรถ               202.00 กก.

11
Doctor At Home: ท่อน้ำตาอุดตัน (Nasolacrimal duct obstruction) - ถุงน้ำตาอักเสบ (Dacryocystitis)

ท่อน้ำตาเป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำตา* บางครั้งอาจมีเหตุทำให้ท่อน้ำตาอุดตัน มีน้ำตาเอ่อคลอเบ้าตา

ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นโรคที่พบได้บ่อยในบ้านเรา พบมากในทารก และผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

มักเป็นที่ตาเพียงข้างเดียว แต่ก็อาจเป็นทั้ง 2 ข้างก็ได้

เมื่อท่อน้ำตาอุดตันนาน ๆ ก็จะมีเชื้อโรคเข้าไป เกิดการติดเชื้อในถุงน้ำตา กลายเป็น ถุงน้ำตาอักเสบ

*ระบบน้ำตา (lacrimal system) ประกอบด้วยต่อมน้ำตา (lacrimal gland) ที่อยู่ใต้เปลือกตาบน ทำหน้าที่ผลิตน้ำตาออกมาหล่อลื่นและทำความสะอาดผิวหน้าของตา (ได้แก่ เยื่อบุตาและกระจกตา) น้ำตาที่ออกมาที่ตามีการไหลเวียน เปิดโอกาสให้มีน้ำตาใหม่เข้ามาแทนที่น้ำตาเก่า  โดยน้ำตาเก่าจะไหลลงรูเปิดของทางเดินน้ำตา (lacrimal punctum ซึ่งเป็นรูเล็ก ๆ เปิดอยู่ที่ขอบเปลือกตาบนและล่างตรงมุมหัวตา) ผ่านคลองน้ำตา (lacrimal canal) ลงมาที่ถุงน้ำตา (lacrimal sac ซึ่งอยู่ตรงหัวตาข้างสันจมูก) และท่อน้ำตา (nasolacrimal duct ซึ่งทอดลงมาตามผนังด้านข้างของจมูก) ในที่สุดน้ำตาก็จะระบายลงโพรงจมูกด้านล่าง (Inferior nasal meatus)


สาเหตุ

ท่อน้ำตาอุดตัน ในทารกอาจเกิดจากท่อน้ำตายังเปิดไม่ค่อยสมบูรณ์ หรือเกิดจากมีเยื่อเมือกและเซลล์ที่อยู่ในน้ำคร่ำขณะที่อยู่ในครรภ์มารดาเข้าไปอุดตันอยู่ภายในท่อน้ำตา หรือเกิดจากเยื่อตาขาวอักเสบเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรียขณะคลอด ทำให้มีขี้ตาลงไปอุด

ในผู้ใหญ่ การอุดกั้นของท่อน้ำตาอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น รูเปิดของท่อน้ำตาตีบแคบลงจากความเสื่อมตามอายุขัยที่มากขึ้น, การได้รับบาดเจ็บตรงกระดูกข้างจมูก, เยื่อตาขาวอักเสบเรื้อรัง, ไซนัสอักเสบเรื้อรัง, ติ่งเนื้อเมือกจมูก (nasal polyps), สิ่งแปลกปลอมในท่อน้ำตา, เนื้องอกหรือมะเร็งในบริเวณจมูก, การผ่าตัดตา จมูกหรือไซนัส,  การใช้ยาหยอดตารักษาโรคต้อหิน, การได้รับรังสีบำบัดบริเวณศีรษะหรือใบหน้าเป็นต้น บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

ถุงน้ำตาอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น สแตฟีโลค็อกคัส, สเตรปโตค็อกคัส, ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากท่อน้ำตาอุดตันนาน ๆ


อาการ

ท่อน้ำตาอุดตัน มีอาการน้ำตาไหลมาก จนเอ่อคลอเบ้าตาข้างใดข้างหนึ่งอยู่ตลอดเวลา โดยไม่เกี่ยวกับการร้องไห้ หรือมีเรื่องเศร้าโศกเสียใจ ต้องคอยเช็ดน้ำตาบ่อย ๆ

ในทารกจะสังเกตว่ามีน้ำตาไหลมากข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เกิด และบางครั้งมีขี้ตาออกมาเป็นครั้งคราว

ถุงน้ำตาอักเสบ ในรายที่เป็นชนิดเฉียบพลัน จะมีไข้ มีตุ่มนูนตรงหัวตา เมื่อใช้นิ้วกดตรงหัวตาจะมีหนองไหลออกมาในตา แล้วตุ่มนูนก็ยุบลง แต่ต่อมาก็กลับนูนขึ้นเช่นเดิมอีก ถ้าเป็นรุนแรงตุ่มนูนนั้นจะมีอาการปวดแดงร้อนคล้ายฝี ซึ่งอาจแตก มีน้ำตาและหนองไหลออกมา


ภาวะแทรกซ้อน

ท่อน้ำตาอุดตัน ทำให้มีน้ำตาค้างและหมักหมมอยู่ที่ระบบน้ำตา กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค อาจทำให้เกิดเยื่อตาอักเสบ และถุงน้ำตาอักเสบ

ถุงน้ำตาอักเสบ หากได้รับการรักษา มักไม่มีภาวะแทรกซ้อน หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรก อาจกลายเป็นถุงน้ำตาอักเสบเรื้อรัง (จะมีอาการน้ำตาและหนองไหลออกมาเรื้อรัง โดยไม่มีไข้ และไม่พบตุ่มนูนชัดเจน)

ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้สูงอายู) และในทารกที่เป็นถุงน้ำตาอักเสบเฉียบพลัน (congenital acute dacryocystitis) อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากเชื้อโรคลุกลามเข้าไปที่ตา ทำให้เยื่อตาขาวอักเสบ แผลกระจกตา เบ้าตาอักเสบ (orbital cellulitis ซึ่งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้) นอกจากนี้ เชื้ออาจเข้ากระแสเลือด ทำให้เกิดฝีในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โลหิตเป็นพิษ ซึ่งเป็นภาวะที่ร้ายแรง

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ และการตรวจเพิ่มเติมดังนี้

สำหรับท่อน้ำตาอุดตัน การใช้นิ้วกดตรงหัวตาข้างสันจมูก จะพบว่ามีน้ำตาที่เป็นเมือกทะลักออกมาทางรูเปิดของท่อน้ำตา

  บางรายแพทย์จะใช้วิธีการหยอดน้ำสีเหลืองส้ม (ซึ่งเป็นสีเรืองแสง - fluorescein dye ที่ใช้ในการตรวจตา ไม่มีอันตราย) หยอดลงไปในตา ถ้าสีเหลืองระบายหายไปใน 2-3 นาที แสดงว่าท่อน้ำตาไม่มีการอุดตัน แต่ถ้าสีเหลืองยังคงค้างอยู่ที่ตา ก็บ่งชี้ว่าท่อน้ำตาข้างนั้นน่าจะมีการอุดตัน (วิธีนี้เรียกว่า "Dye disappearance test")

ในผู้ใหญ่บางราย แพทย์อาจทดสอบโดยการใช้เข็มเล็ก (ปลายตัดไม่คม) แยงลงไปทางรูเปิดของท่อน้ำตา แล้วใช้น้ำเกลือฉีดลงไป ถ้าผู้ป่วยรู้สึกถึงน้ำเกลือเค็ม ๆ ไหลลงคอ แสดงว่าท่อน้ำตาเป็นปกติ แต่ถ้าผู้ป่วยมีท่อน้ำตาอุดตัน น้ำตาจะไหลเอ่อล้นกลับออกมาทางรูเปิดของท่อน้ำตา

ในกรณีที่จำเป็น แพทย์อาจทำการถ่ายภาพระบบทางเดินน้ำตาด้วยเอกซเรย์หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยการฉีดสารทึบแสง เพื่อตรวจดูตำแหน่งที่อุดตัน

สำหรับถุงน้ำตาอักเสบเฉียบพลัน จะตรวจพบตุ่มนูน ปวด แดง ร้อนที่หัวตา และอาจตรวจพบว่ามีไข้ร่วมด้วย เมื่อใช้นิ้วกดตรงหัวตาจะมีหนองไหลออกมาในตา บางรายแพทย์อาจนำหนองไปตรวจหาเชื้อ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

สำหรับเด็กเล็กที่เป็นโรคท่อน้ำตาอุดตัน แพทย์มักจะแนะนำให้เฝ้าสังเกตอาการ (ซึ่งในทารกมักจะหายได้เองเมื่อท่อน้ำตาเจริญเต็มที่เมื่ออายุได้ 2-3 เดือน) หรือแนะนำให้พ่อแม่ทำการนวดบริเวณหัวตา (ตรงตำแหน่งของท่อน้ำตาที่อุดตัน) ซึ่งจะช่วยดันให้แผ่นพังผืดบาง ๆ ที่ขวางลิ้นเปิดปิดในท่อน้ำตาเปิดออก ประมาณร้อยละ 70-90 จะหายเป็นปกติได้เองภายใน 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง

ถ้ามีการติดเชื้ออักเสบ โดยตรวจพบมีขี้ตาเหลือง ๆ เขียว ๆ แพทย์จะให้ยาป้ายตาหรือยาหยอดตาที่มีตัวยาปฏิชีวนะร่วมด้วย

นอกจากนี้ แพทย์อาจให้การรักษาด้วยการถ่างท่อน้ำตาด้วยการใช้อุปกรณ์แยงท่อน้ำตา หรือใส่ท่อที่มีบัลลูนตอนปลายแยงเข้าท่อน้ำตาแล้วเป่าบัลลูนให้ท่อน้ำตาขยาย หรือการใส่ท่อเล็ก ๆ (ที่ทำด้วยซิลิโคนหรือโพลิยูลีเทน) คาไว้ในท่อน้ำตานาน 3 เดือน เพื่อถ่างให้ท่อน้ำตาขยาย

หากไม่ได้ผล ก็จำเป็นต้องผ่าตัดทำท่อระบายน้ำตาขึ้นใหม่ (dacryocystorhinostomy)

สำหรับผู้ใหญ่ที่มีท่อน้ำตาอุดตัน แพทย์จะรักษาด้วยการล้างท่อน้ำตา หากไม่ได้ผลก็จะทำการถ่างท่อน้ำตาด้วยเทคนิคต่าง ๆ หากไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องผ่าตัดทำท่อระบายน้ำตาขึ้นใหม่

และถ้าพบว่ามีสาเหตุชัดเจน ก็ให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น รักษาโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังผ่าตัดเอาเนื้องอกออกไป

สำหรับถุงน้ำตาอักเสบ (ตุ่มฝีขึ้นที่หัวตา) ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ ให้ยาแก้ปวดและยาป้ายตาหรือยาหยอดตาปฏิชีวนะ ถ้าอักเสบรุนแรงให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน, โคอะม็อกซิคลาฟ, อีริโทรไมซิน) สัก 5-7 วัน ถ้าไม่ยุบหรือกลับเป็นซ้ำอีก แพทย์จะตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ และทำการแก้ไขภาวะท่อน้ำตาอุดตัน


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีน้ำตาไหลมากข้างหนึ่ง มีอาการน้ำเอ่อคลอเบ้าตา มีตุ่มนูนตรงหัวตาซึ่งเมื่อใช้นิ้วกดตรงหัวตาจะมีหนองไหลออกมาในตา ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นท่อน้ำตาอุดตัน หรือถุงน้ำตาอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีน้ำตาไหลมากขึ้น มีไข้สูง ถุงน้ำตาอักเสบบวมแดงมากขึ้น หรือเยื่อตาขาวอักเสบ (ตาแดง ตาแฉะ)
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

สำหรับท่อน้ำตาอุดตัน ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก

ส่วนในผู้ใหญ่อาจลดความเสี่ยงของการเกิดท่อน้ำตาอุดตันลงได้ ด้วยการป้องกันโรคเยื่อตาขาวอักเสบ (หมั่นล้างมือให้สะอาด อย่าเผลอขยี้ตา เป็นต้น) และรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ (เช่น เยื่อตาขาวอักเสบ ไซนัสอักเสบ ติ่งเนื้อเมือกจมูก เป็นต้น)

สำหรับถุงน้ำตาอักเสบ สามารถป้องกันด้วยการรักษาท่อน้ำตาอุดตันให้หายขาด


ข้อแนะนำ

ผู้ที่มีน้ำตาไหลผิดปกติ นอกจากท่อน้ำตาอุดตันแล้วยังอาจเกิดจากขนตาเก* ควรซักถามอาการ และตรวจดูให้แน่ชัด แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากอะไร ก็ควรแนะนำผู้ป่วยไปปรึกษาแพทย์ทุกราย
 

*ขนตาเก (trichiasis) ซึ่งหมายถึงอาการขนตาแยงเข้าด้านในนั้น ยังอาจเกิดจากการติดเชื้องูสวัด กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน การถูกสารเคมีหรือความร้อนที่เปลือกตา การบาดเจ็บ หรือการผ่าตัดเปลือกตา ควรแก้ไขด้วยการถอนขนตา หรือใช้ไฟฟ้าหรือความเย็นจี้ หรือฉายรังสี

12
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


13
ปล่อยรถราคาพิเศษ BMW iX xDrive50 Sport ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู BMW i X xDrive50 Sport ปี 2022
BMW iX xDrive50 Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า BMW xDrive Electric ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 523 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 765 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม. เสริมด้วยระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ทำงานคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก (ราคาขายรวม BSI STANDARD Package)


หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 17 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
BMW BEV-BSI Ultimate (BSI 6/UN + War 6/UN) bsi เริ่มต้น 9-May-24 ถึง 8-May-30

ราคาพิเศษ 4,300,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              BMW
   รุ่น                   บีเอ็มดับเบิลยู BMW i X xDrive50 Sport ปี 2022
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว          2022


14
การจัดฟันเด็ก ในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร
 
การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมในเด็กที่ได้รับความนิยมากในปัจจุบัน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะมองเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟันที่อาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้อนาคต ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำเด็กๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว


ซึ่งส่วนใหญ่ทันตแพทย์จัดฟันจะแนะนำให้เด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน เข้ารับการจัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการที่เด็กในวัยที่กำลังมีการเจริญเติบโตของฟัน สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าตอนโตแล้ว ซึ่งหากอายุมากขึ้น การแก้ไขปัญหาฟันก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นนั่นเอง ในการจัดฟันในเด็กนั้น ยังเป็นการสร้างทันตคติเกี่ยวกับการดูแลช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างดีอีกด้วย เพราะมองว่า เมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว จะต้องดุแลเอาใจใส่และต้องดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันมากกว่าคนปกติ


ดังนั้นการจัดฟันในเด็ก จึงมีประโยชน์ต่อตัวเด็กในหลายๆด้าน ซึ่งการเข้ารับการจัดฟัน ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้ และยังเป็นการป้องกันและรักษาความผิดปกติของฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมและมีการบดเคี้ยวที่ดีขึ้นได้ โดยการใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟันที่ผิดปกติ ไม่สวยงาม และไม่เป็นระเบียบ ให้มีโครงสร้างและรูปร่างใบหน้าที่ดีและสวยงามขึ้น ซึ่งเครื่องมือจัดฟันที่ใช้จะช่วยเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์ของสุขภาพช่องปากและฟัน
 
สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ตระหนักและตัดสินใจที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาและวัยที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงอายุประมาณ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด


ทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเป็นประโยชน์ต่อการจัดฟัน แต่หากอายุมากแล้วหรือประมาณ 30 ปีขึ้นไป อาจต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่นานกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีและปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการรักษา นอกจากนี้ การที่พาเด็กเข้ารับการจัดฟันก่อนอายุ 13 ปีนั้น นอกจากจะทำให้ฟันเข้ารูปเรียงตัวกันสวยงามตามธรรมชาติได้ง่ายกว่าในวัยเจริญเติบโตแล้ว ยังทำให้ใบหน้าเข้ารูปสวยงามได้อีกด้วย


ซึ่งต่างจากการจัดฟันตอนที่อยู่ในช่วงใกล้หยุดเจริญเติบโต หรือในช่วงเด็กโตเนื่องจากฟันจะเข้ารูปยากกว่าแถมไม่ช่วยเรื่องโครงหน้าอีกด้วย เหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า หรือมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่อาจจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมหรือพฤติกรรมในวัยเด็ก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ และภายหลังการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้เด็กดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟันให้สะอาด


โดยใช้แปรงสีฟันสำหรับผู้ที่จัดฟันโดยเฉพาะ ทำความสะอาดภายหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและก่อนเข้านอน รักษาเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ให้หลุดหักหรือบิดเบี้ยว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียวรวมทั้งของหวาน ระมัดระวังเมื่อเล่นกีฬาที่อาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรง รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และพบทันตแพทย์ตามนัดหมาย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีฟันที่สวยงามตั้งแต่อายุยังน้อย ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาฟันในตอนโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย

15
ประเภทของผ้ากันไฟ ที่ควรรู้จจัก

เพื่อให้คุณรู้จักผ้ากันไฟได้ดีขึ้น ขอนำเสนอประเภทหลักๆ ที่ควรรู้จัก พร้อมคุณสมบัติและการใช้งานโดยสังเขป:

1. ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric):

คุณสมบัติ: ทนความร้อนได้ดี (ประมาณ 550°C), ไม่ติดไฟ, ราคาค่อนข้างถูก, มีความแข็งแรงทนทาน
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานเชื่อมทั่วไป, งานเจียร, ป้องกันสะเก็ดไฟ, ทำม่านกันไฟชั่วคราว


2. ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคน (Silicone Coated Fiberglass Cloth):

คุณสมบัติ: ทนความร้อนได้เช่นเดียวกับผ้าใยแก้ว (ประมาณ 550°C), เพิ่มคุณสมบัติกันน้ำ, ทนทานต่อสารเคมีบางชนิด, ผิวสัมผัสดีขึ้น ไม่ระคายเคืองผิวหนังเท่าผ้าใยแก้วดิบ
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อม, งานเชื่อมภายนอกอาคาร, ทำผ้าคลุมป้องกัน


3. ผ้าซิลิกา (Silica Fabric):

คุณสมบัติ: ทนความร้อนได้สูงกว่า (ประมาณ 1000°C), ไม่ติดไฟ, ทนทานต่อการกัดกร่อน, มีความแข็งแรงสูง
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานเชื่อมที่มีความร้อนสูง, งานตัดโลหะ, ป้องกันเปลวไฟโดยตรง, ทำฉนวนความร้อน


4. ผ้าซิลิกาเคลือบซิลิโคน (Silicone Coated Silica Cloth):

คุณสมบัติ: ทนความร้อนสูง (ประมาณ 1000°C), เพิ่มคุณสมบัติกันน้ำ, ทนทานต่อสารเคมี, ผิวสัมผัสดีขึ้น
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อความร้อนสูงและสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน


5. ผ้าเซรามิกไฟเบอร์ (Ceramic Fiber Cloth):

คุณสมบัติ: ทนความร้อนได้สูงมาก (ประมาณ 1260°C หรือสูงกว่า), เป็นฉนวนความร้อนที่ดี, น้ำหนักเบา
การใช้งาน: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการป้องกันความร้อนสูงเป็นพิเศษ เช่น เตาเผา, ฉนวนหุ้มท่อความร้อนสูง


6. ผ้าอะรามิด (Aramid Fabric) เช่น Nomex® และ Kevlar®:

คุณสมบัติ: ทนความร้อนและเปลวไฟสูง, น้ำหนักเบา, มีความแข็งแรงและความทนทานต่อการเสียดสีสูง (Nomex® เน้นทนไฟ, Kevlar® เน้นความแข็งแรง), มักใช้ในชุดป้องกันส่วนบุคคล
การใช้งาน: ชุดดับเพลิง, ชุดป้องกันสำหรับงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง


7. ผ้าเคลือบสารกันไฟ (Fire Retardant Coated Fabrics):

คุณสมบัติ: เป็นผ้าพื้นฐาน (เช่น ผ้าฝ้าย, โพลีเอสเตอร์) ที่ถูกเคลือบด้วยสารเคมีเพื่อให้มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ
การใช้งาน: มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าพื้นฐานและการเคลือบ มักใช้ในสิ่งทอภายในอาคาร, เฟอร์นิเจอร์


การเลือกผ้ากันไฟควรพิจารณาจาก:

อุณหภูมิสูงสุด ที่คาดว่าจะเผชิญ
ระยะเวลา ที่ต้องการให้ผ้าสามารถทนไฟได้
ความทนทาน ต่อการใช้งานและสภาพแวดล้อม
ความยืดหยุ่น และความสะดวกในการใช้งาน
มาตรฐานการรับรอง (เช่น UL, FM Approvals, EN)

การทำความเข้าใจประเภทและคุณสมบัติของผ้ากันไฟเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการและเพิ่มความปลอดภัยในการป้องกันอัคคีภัย

หน้า: [1] 2 3 ... 17