แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 23
1
บริการทำความสะอาด: ทำความสะอาดห้องน้ำให้ปิ๊ง แบบเจาะลึกทุกขั้นตอน

วิธีทำความสะอาดห้องน้ำให้สะอาดน่าใช้ไปทุกตารางนิ้วเจาะลึกทุกขั้นตอนทำความสะอาดห้องน้ำที่ต้องให้สิบคะแนนเต็ม
ลองมาทำความสะอาดห้องน้ำตามนี้เพื่อพิสูจน์ความเก๋ากันค่ะ

เคยไหมคะที่ยอมทนอั้นปัสสาวะจนแทบจะเป็นนิ่วในนาทีนั้น เพียงเพราะรับไม่ได้กับสภาพห้องน้ำที่สกปรกสุด ๆ
แถมยังส่งกลิ่นเหม็นตุออกมาไม่หยุดหย่อน เจอสภาพห้องน้ำแบบนี้เข้าไปเป็นใครก็คงส่ายหน้าหนีกันหมดล่ะเนอะยิ่งถ้าเป็นห้องน้ำในบ้านแล้วแขกมาเจอสภาพห้องน้ำที่สกปรกสุดยี้เข้าละก็งานนี้คงได้ขายหน้ากันทั้งบ้านแน่ ๆ

เอาล่ะ ! ถ้าอย่างนั้นมาทำความสะอาดห้องน้ำด้วยเคล็ดลับแบบเจาะลึกทุกขั้นตอนดีกว่ารับรองว่าไม่มีพื้นที่ในห้องน้ำหลุดรอดหนีความสะอาดไปได้สักตารางนิ้วชัวร์

 1. นำผ้าเช็ดเท้าไปซัก

ผ้าเช็ดเท้าที่วางอยู่หน้าห้องน้ำ รวมทั้งผ้าเช็ดมือ และผ้าม่านที่ประดับอยู่คงสะสมเชื้อโรคและฝุ่นไรจำนวนไม่น้อย ดังนั้นก่อนจัดการล้างห้องน้ำควรปลดม่าน ผ้าเช็ดมือ และนำผ้าเช็ดเท้าไปซักทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย

 2. ย้ายทุกไอเทมออกมาจากห้องน้ำ

ขั้นต่อมาให้ย้ายของทุกอย่างออกจากห้องน้ำให้หมดทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายและของตกแต่งกระจุกกระจิกรวมไปถึงการตกแต่งบางอย่างที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ก็ต้องเก็บไม่ให้เหลือสักชิ้นเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้โล่งที่สุดก่อนจัดการทำความสะอาดนะจ๊ะ

 3. ละเลงน้ำยาทำความสะอาดในโถสุขภัณฑ์

จัดการราดน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำลงในโถส้วมให้ทั่วถึงอย่าลืมเปิดพัดลมดูดอากาศหรืออย่างน้อยก็ต้องเปิดประตูและหน้าต่างห้องน้ำเพื่อระบายอากาศและปิดฝาชักโครกด้วย ทว่าหากใครไม่อยากเสี่ยงกับสารเคมีอันตรายจะลองผสมผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าในอัตราส่วน 75/25ก็ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ได้เจ๋งแจ๋วไม่แพ้น้ำยาความสะอาดเลย

 4. ปัดหยากไย่ ไล่ฝุ่น

ความสะอาดของห้องน้ำไม่ได้เปล่งประกายจากพื้นห้องน้ำหรือสุขภัณฑ์ต่าง ๆ เท่านั้นแต่ฝ้าเพดานและผนังห้องน้ำก็มองข้ามไม่ได้เลยดังนั้นเรามาใช้ไม้กวาดหยากไย่ไล่กวาดไปตามฝ้าเพดานให้ทั่วโดยไล่กวาดตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างกันเถอะ

 5. ขัดกระจกและผนังห้อง

ถัดจากฝ้าเพดานแล้วก็มาต่อด้วยกระจกห้องน้ำ โดยเช็ดกระจกด้วยน้ำยาเช็ดกระจกกับกระดาษหนังสือพิมพ์ส่วนผนังก็ถูด้วยแปรงขัด แต่หากเป็นผนังที่ติดวอลเปเปอร์ให้หุ้มแปรงขัดด้วยผ้าชุบน้ำผืนหนา แล้วค่อยเช็ดถูผนังให้สะอาดสำหรับคราบหนักควรใช้น้ำยาความสะอาดร่วมด้วยนะ

 6. ล้างอ่างและบริเวณเคาน์เตอร์

ผสมน้ำสบู่กับน้ำอุ่นแล้วใช้แปรงสีฟันอันเก่ามาขัดตามซอกกระเบื้องบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ารวมทั้งพื้นที่แคบตรงอ่างล้างหน้าและก๊อกน้ำด้วย แต่หากคราบสกปรกฝังแน่นอาจต้องใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูให้พอเป็นเนื้อข้นเหนียวมาป้ายคราบสกปรกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นค่อยใช้แปรงสีฟันขัดอีกครั้งแต่สำหรับพื้นที่ของอ่างล้างหน้าและกระเบื้องเคาน์เตอร์สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดและฟองน้ำขัดถูได้เลย

 7. ทำความสะอาดด้านนอกโถสุขภัณฑ์

เริ่มจากฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาขจัดคราบอเนกประสงค์ลงไปให้ทั่วบริเวณด้านอนโถสุขภัณฑ์แล้วใช้ฟองน้ำบิดหมาดถูทำความสะอาดโดยรอบ ตามด้วยล้างด้วยน้ำสะอาดให้เรียบร้อย

 8. ขัดโถสุขภัณฑ์

หลังจากจัดการด้านนอกโถไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ถึงตาด้านในโถสุขภัณฑ์ที่เราเทน้ำยาล้างห้องน้ำทิ้งไว้แล้วล่ะค่ะโดยอุปกรณ์เสริมสำหรับขั้นตอนนี้สามารถเลือกเป็นแปรงขัดมีด้ามยาวแบบปกติก็ได้เสร็จแล้วก็กดชักโครกชำระคราบน้ำยาอีกที

 9. จัดการพื้นห้องน้ำ

พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ในห้องน้ำสะอาดปิ๊งหมดจด คงเหลือแต่พื้นห้องน้ำที่ยังเขรอะอยู่ดังนั้นงานต่อมาก็ต้องขัดพื้นห้องน้ำให้แจ่มสักที ซึ่งหากคุณใช้น้ำยาล้างห้องน้ำควรเทน้ำยาทิ้งไว้สัก 10 นาทีก่อนขัด หรือหากใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างห้องน้ำควรราดน้ำยาทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนลงมือขัด และในส่วนร่องกระเบื้องที่สะสมคราบสกปรกไว้มากต้องเจอกับแปรงสีฟันด้ามเก่ากับน้ำยาฟอกขาวสักหน่อย

 10. โละของเก่าทิ้ง จัดของยังใช้เข้าที่ให้เรียบร้อย

หลังจากทำความสะอาดพื้นห้องน้ำเสร็จแล้ว ควรจะใช้ม็อบหรือฟองน้ำซับน้ำออกอีกทีพร้อมทั้งเปิดพัดลมดูดอากาศไว้เพื่อป้องกันความชื้น จากนั้นก็มาคัดของที่เราย้ายออกมาจากห้องน้ำต่อโดยเลือกเอาแค่เฉพาะของที่ยังใช้งานอยู่ไปวางเก้บเข้าที่ ส่วนบรรดาแปรงสีฟันอันเก่าซากหลอดยาสีฟันที่ใช้หมดแล้ว รวมทั้งหลอดโฟมล้างหน้าเบาโหวงก็จัดการโยนทิ้งขยะซะแต่ก่อนจะนำของใช้ไปวางเข้าที่ อย่าลืมล้างน้ำให้หายมอมแมมด้วยนะคะ

หลังจากเคลียร์ห้องน้ำจนสะอาดหมดจดแล้ว ก็อย่าลืมรักษาความสะอาดห้องน้ำอยู่เสมอด้วยล่ะ โดยเฉพาะเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ควรใช้ม็อบถูพื้นห้องน้ำให้แห้ง เปิดพัดลมดูดอากาศทิ้งไว้สักพักพร้อมกันนั้นม่านกั้นห้องน้ำหรือผนังห้องน้ำที่เปื้อนคราบสบู่ก็ควรฉีดน้ำล้างให้หมดจดด้วย

2
การแก้ปัญหา ท่อลมร้อนเกิดการรั่วซึม

การแก้ไขปัญหาท่อลมร้อนรั่วซึมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อนและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีขั้นตอนและวิธีการแก้ไขดังนี้:

1. การตรวจสอบรอยรั่ว

ตรวจสอบด้วยสายตา:
ตรวจสอบท่อลมร้อนอย่างละเอียดเพื่อหารอยรั่ว รอยแตก หรือรอยร้าว ซึ่งอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพของวัสดุหรือการกระแทก
สังเกตบริเวณข้อต่อและจุดเชื่อมต่อเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นจุดที่มักเกิดการรั่วไหล

การทดสอบแรงดัน:
ทำการทดสอบแรงดันของท่อลมร้อน เพื่อตรวจสอบรอยรั่ว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแรงดันอยู่ในระดับที่ปลอดภัยตามข้อกำหนดของผู้ผลิต

การใช้สเปรย์ฟองสบู่:
ฉีดพ่นสเปรย์ฟองสบู่บริเวณท่อลมร้อน และสังเกตการเกิดฟองสบู่

การใช้เครื่องตรวจจับรอยรั่ว:
ใช้เครื่องมือตรวจจับรอยรั่วเพื่อตรวจสอบรอยรั่วขนาดเล็ก

2. การซ่อมแซมรอยรั่ว
การซ่อมแซมรอยรั่วขนาดเล็ก:
ใช้เทปพันท่อทนความร้อน หรือวัสดุอุดรอยรั่วทนความร้อน อุดรอยรั่ว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัสดุที่ใช้สามารถทนทานต่ออุณหภูมิและความดันของท่อลมร้อนได้

การซ่อมแซมรอยรั่วขนาดใหญ่:
ตัดส่วนที่เสียหายออก และเปลี่ยนท่อลมร้อนส่วนใหม่
เชื่อมต่อท่อลมร้อนส่วนใหม่เข้ากับท่อลมร้อนส่วนเดิม โดยใช้การเชื่อมหรือข้อต่อที่เหมาะสม

การซ่อมแซมรอยรั่วบริเวณข้อต่อ:
ขันน็อตหรือสกรูให้แน่น
เปลี่ยนวัสดุซีลที่เสื่อมสภาพ

3. การป้องกันการรั่วซึมในอนาคต
การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม:
เลือกวัสดุที่ทนทานต่อความร้อนและสารเคมี
เลือกฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพ

การติดตั้งที่ถูกต้อง:
ติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจสอบการเชื่อมต่อและข้อต่อต่างๆ ให้แน่นหนา

การบำรุงรักษาเป็นประจำ:
ตรวจสอบและทำความสะอาดท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอ
ตรวจสอบฉนวนกันความร้อน แรงดัน และอุณหภูมิ
ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหายทันที

การใช้งานที่เหมาะสม:
หลีกเลี่ยงการใช้งานเกินกำลัง
ควบคุมอุณหภูมิและความดัน
ป้องกันการกระแทกและการเสียดสี

การบันทึกข้อมูล:
บันทึกข้อมูลการตรวจสอบและการบำรุงรักษา

ข้อควรระวัง
การซ่อมแซมท่อลมร้อนควรทำโดยผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์
ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น ถุงมือ แว่นตา และหน้ากาก เมื่อทำการซ่อมแซม
หากไม่แน่ใจในการซ่อมแซม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
การแก้ไขปัญหาท่อลมร้อนรั่วซึมอย่างถูกต้องและรวดเร็ว จะช่วยป้องกันอันตรายและยืดอายุการใช้งานของระบบท่อลมร้อน

3
การสร้างอาชีพ จากการขายแกงส้มชะอมกุ้ง อาหารไทยรสเลิศรสชาติกลมกล่อมลงตัว

ประเทศไทยมีชื่อเสียงในด้านอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านและมีกลิ่นหอมและแกงส้มชะอมกุ้งเป็นอาหารที่เป็นตัวแทนของรสชาติไทยแท้ได้อย่างแท้จริง แกงเปรี้ยวสไตล์ใต้จานนี้ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เปรี้ยว เผ็ดและหวานเล็กน้อย ผสมผสานกับรสอูมามิที่เข้มข้นของกุ้งและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของไข่เจียวใบชะอมรสชาติกลมกล่อมลงตัวเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายและอร่อย

อะไรที่ทำให้แกงส้มพิเศษ?
แกงส้มแตกต่างจากแกงกะทิทั่วๆ ไป เพราะแกงส้ม ใช้ น้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้แกงมีรสชาติเบาบางแต่เข้มข้น ส่วนประกอบหลักทำมาจากพริกแกงเผ็ดและเปรี้ยว ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วยพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ขมิ้น และกะปิ ปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนประกอบหลักคือมะขามเปียกซึ่งทำให้จานนี้มีรสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่เป็นเอกลักษณ์ เสริมด้วยน้ำตาลมะพร้าวเพื่อความหวานเล็กน้อยและน้ำปลาเพื่อเพิ่มความเข้มข้น

ส่วนผสมที่สำคัญ
กุ้ง (Goong) :กุ้งสดเพิ่มรสชาติอาหารทะเลที่แสนอร่อยและโปรตีนให้กับอาหารจานนี้
ไข่เจียวชะอม (ชะอมไก่) : นำ ชะอมสีเขียวเข้มหั่นเป็นชิ้นเล็กๆผสมกับไข่ที่ตีแล้ว ทอดในกระทะให้เป็นไข่เจียว จากนั้นหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ วิธีนี้จะทำให้เมนูมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู
น้ำพริกแกง:การผสมผสานระหว่างพริกแห้ง ขมิ้น กระเทียม หอมแดงและกะปิ ทำให้เกิดรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอม
น้ำพริกมะขาม :ให้ความเปรี้ยวเอกลักษณ์ของเมนูนี้
น้ำตาลปี๊บและน้ำปลา:ช่วยสร้างความสมดุลให้กับรสชาติด้วยรสหวานและเค็มเล็กน้อย
ผัก (ตามชอบ) :ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้ มะละกอเขียว หรือผักบุ้ง

วิธีทำแกงส้มชะอมกุ้ง
เตรียมพริกแกง – โขลกพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ขมิ้น และกะปิเข้าด้วยกันโดยใช้ครกและสาก หรือปั่นในเครื่องปั่นอาหาร
ทำไข่เจียวอะคาเซีย – ตีไข่กับ ใบ ชะอมทอดจนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
ทำน้ำซุป – ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่พริกแกงลงไป คนจนละลาย
ปรุงรสแกง – เติมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บตามชอบ ปรับรสเปรี้ยว เค็ม และหวานให้สมดุลกัน
ใส่กุ้ง – ใส่กุ้งสดลงไปแล้วปรุงจนกระทั่งกุ้งเปลี่ยนเป็นสีชมพู
ใส่ไข่เจียว – วางไข่เจียวอะคาเซียลงในแกงกะหรี่เบาๆ ปล่อยให้ไข่เจียวซึมซับรสชาติ
เสิร์ฟร้อน – รับประทานกับข้าวหอมมะลินึ่งเพื่อมื้ออาหารไทยที่สมบูรณ์แบบ!

ทำไมคุณถึงควรลองแกงส้มชะอมกุ้ง
อุดมไปด้วยรสชาติ:การผสมผสานอย่างลงตัวของรสเปรี้ยว เผ็ด และอูมามิ
ดีต่อสุขภาพและเบา:ไม่มีกะทิจึงทำให้มีไขมันต่ำกว่าแกงไทยอื่นๆ
ความเป็นไทยแท้:ตัวแทนที่แท้จริงของอาหารบ้านๆ ของไทยและอาหารใต้

แกงส้มชะอมกุ้งเป็นเมนูที่ต้องลองสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน และเปรี้ยว ไม่ว่าคุณจะกำลังลองทานอาหารไทยเป็นครั้งแรกหรือกำลังมองหาวิธีทำอาหารไทยแท้ๆ ที่บ้าน เมนูนี้มอบประสบการณ์อันแสนอร่อยที่แสดงให้เห็นถึงความล้ำลึกและความสมดุลของรสชาติไทย เพลิดเพลินกับเมนูนี้กับข้าวหอมมะลิอุ่นๆ และสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของประเทศไทย

4
ตรวจอาการด้วยตนเอง: มะเร็งลำไส้เล็ก (Small intestine cancer)

มะเร็งลำไส้เล็ก พบได้ค่อนข้างน้อย พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย พบมากขึ้นตามอายุ อายุเฉลี่ยที่พบประมาณ 60 ปี

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การสูบบุหรี่และการดื่มสุราจัด
    การกินอาหารที่มีไขมันสัตว์สูง เนื้อแดง เนื้อสัตว์หมักเกลือหรือรมควัน
    การมีประวัติเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ชนิดถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ (familial adenomatous polyposis) หรือโรคลำไส้อักเสบ ที่ชื่อว่า โรคครอห์น (Crohn’s disease)
    การมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
    การมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นมะเร็งทางเดินอาหาร (กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ถุงน้ำดี) ทางเดินปัสสาวะ (ไต กระเพาะปัสสาวะ) รังไข่ มดลูก สมอง หรือผิวหนังซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางกรรมพันธุ์

อาการ

มีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือถ่ายดำ ซีด น้ำหนักลด อาจมีอาการปวดท้องรุนแรงและอาเจียนจากภาวะลำไส้อุดกั้น บางรายอาจมีอาการดีซ่านร่วมกับถ่ายอุจจาระสีซีดขาวจากภาวะน้ำดีอุดกั้น หรือคลำได้ก้อนในท้อง

ภาวะแทรกซ้อน

เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้น ทำให้ทางเดินอาหารอุดกั้น (ปวดท้อง อาเจียน) มีเลือดออก (ทำให้ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือถ่ายดำ โลหิตจาง)

มะเร็งมักลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง ในช่องท้อง (ทำให้ปวดท้อง ท้องมาน) ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง แอ่งเหนือไหปลาร้า และในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ) และอาจไปที่สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก) เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป

การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยเอกซเรย์ลำไส้โดยการกลืนแป้งแบเรียม ตรวจอัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ใช้กล้องส่องตรวจลำไส้และตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน-PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด บางรายอาจให้เคมีบำบัด และ/หรือรังสีบำบัด ขึ้นกับชนิดของเซลล์มะเร็งและระยะของโรค

ผลการรักษา หากเป็นมะเร็งระยะแรก การรักษาได้ผลดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 85) แต่ถ้าเป็นมะเร็งระยะท้าย การรักษาได้ผลไม่ดี (มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 40)

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดท้องบ่อยหรือปวดท้องรุนแรง, ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือถ่ายดำ, ซีด, ตาเหลืองตัวเหลือง และอุจจาระสีซีดขาว, น้ำหนักลด เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้เล็ก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงจึงไม่อาจหาทางป้องกัน

อย่างไรก็ตาม ก็อาจลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้เล็กด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสัตว์สูง เนื้อแดง เนื้อสัตว์หมักเกลือหรือรมควัน
    ไม่สูบบุหรี่
    หลีกเลี่ยงการดื่มสุราจัด

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการปวดท้องเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือถ่ายดำ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

5
เด็กที่มีรูปหน้าสั้น แก้ไขด้วยการจัดฟันเด็กได้หรือไม่

การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเด็กส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว ซึ่งการดูดนิ้วเป็นพัฒนาการปกติของเด็กเล็ก เป็นพฤติกรรมที่เด็กใช้ในการปลอบตนเองหรือเป็นการกระตุ้นตัวเอง สามารถพบภาวะนี้ได้ตั้งแต่ในครรภ์ วัยทารกพบภาวะดังกล่าวได้ถึงร้อยละ 80 ของเด็กทั้งหมด และจะลดลงจนเหลือประมาณร้อยละ 30-45 ในเด็กวัยก่อนเรียน

อย่างไรก็ตาม การดูดนิ้วที่มากเกินไปในเด็กที่อายุมากกว่า 4 ปี อาจนำมาสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปัญหาช่องปากและฟัน การสบฟันผิดปกติ กระดูกใบหน้าเจริญผิดปกติหรือพูดไม่ชัด  ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความมั่นใจ และปัญหาในเรื่องขอสุขภาพช่อช่องปากและฟันในอนาคตได้ แต่ที่แน่นอนก็คือ พฤติกรรมดูดนิ้ว หรือดูดขวดนมในเด็กนั้น  ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันโดยตรง และยังส่งผลทำให้เด็กมีกระดูกใบหน้าที่เจริญเติบโตแบบผิดปกติด้วย ส่งผลให้เด็กอาจจะมีรูปหน้าสั้นได้ ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก จึงสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการจัดฟันในเด็กช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดียิ่งขึ้นได้ ในปัจจุบัน การจัดฟันได้มีการพัฒนาให้สามารถจัดฟันในเด็กได้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่อายุ4-10 ปี โดยการจัดฟันของเด็กในวัยนี้ เป็นการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือการจัดฟันที่เรียกว่า EF LINE


ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะมากน้อยตามแต่ช่วงอายุของเด็ก ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต โดยเครื่องมือ EF LINE มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า เป็นต้น

สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงปัญหาความผิดปกติของโครงสร้างของใบหน้าเด็ก ที่มีรูปหน้าสั้น อันมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในวันเด็กที่ชอบดูดนิ้ว ดูขวดนมเป็นนิสัย ซึ่งปัญหาดังกล่าว ก็เป็นที่กังวลใของพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่พ่อแม่สามารถทำได้ก็คงจะเป็นเรื่องของการทำให้เด็กเลิกดูดนิ้ว ดูดขวดนม เป็นเวลานานซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครอง สามารถสอนให้เด็กใช้แก้วน้ำแทนการดูดขวดนมได้ แต่ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ทัน แน่นอนว่าเมื่อลูกมีโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ


การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว อย่างที่ทราบกันดีว่า การจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือ EF LINE สามารถช่วยแก้ไขในเรื่องของปัญหาสุขภาพฟันในเด็กเล็กได้ และยังสามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างของใบหน้าของเด็กได้ด้วย เพราะเครื่องมือ EF LINE นั้น สามารถแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง   

เพราะฉะนั้นหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้า จะต้องเข้ารับการแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะกล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า ดังนั้น การเข้ารับการปรับแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อ ปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการปรับการกลืนให้ถูกต้อง ด้วยเครื่องมือ EF line จึงมีประสิทธิภาพมากยกตัวอย่างเช่น ปัญหาการกลืนที่ผิดปกติ ในขณะกลืนผู้ป่วยจะยื่นลิ้นออกมาอยู่ระหว่างปลายฟันหน้าบนและล่าง ต้องพิจารณาจากขนาดของลิ้น


โดยลิ้นอาจมีขนาดใหญ่ผิดปกติ เนื่องจากโรคทางระบบและตำแหน่งของลิ้นในขณะพักตำแหน่งของลิ้นที่ปกติอาจเป็นผลจากขบวนการปรับตัว มักพบในคนไข้ภูมิแพ้ มีการอุดตันของช่องจมูก ขากรรไกรบนแคบมาก ความสูงของใบหน้ามากผิดปกติควรมาพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ฟันหน้าห่าง การสบฟันหลังคร่อม การพูดออกเสียงไม่ชัด และเกิดการพัฒนาใบหน้าแนวดิ่งมากกว่าปกติ อาการเหล่านี้ถือว่าส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเด็ก ดังนั้น ถ้าเด็กมีความผิดปกติ พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการตรวจกับทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อทำการแก้ไข

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจ พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กต่อสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกไอดอลสมายเพราะคลินิกของเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์อย่างยาวนานจึงทำให้สามารถแนะนำหรือแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างถูกวิธี


นอกจากนี้ ทันตแพทย์ของเรายังสามารถช่วยประเมินปัญหาและแนะนำแนวทางการแก้ไขได้อย่างตรงจุด สามารถแนะนำวิธีการรักษาโดยยึดหลักปัญหาฟันของเด็กเพื่อให้เด็กได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เพราะเราอยากให้เด็กเด็กทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีบุคลิกภาพที่น่ารักสดใสสมวัย มีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม เพื่อให้เด็กได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่เสริมสร้างพัฒนาการของเด็กและทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

6
townhome ไลโอ เพชรเกษม-อ้อมน้อย (Lio Petchkasem - Omnoi)
เริ่มต้น 1.89 ลบ.

ไลโอ เพชรเกษม-อ้อมน้อย (Lio Petchkasem - Omnoi)
เตรียมพบทาวน์โฮมโครงการใหม่ ตรงข้าม Big C อ้อมใหญ่ ทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ French Colonial Style ภายใต้แบรนด์ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ การออกแบบทาวน์โฮมด้วยสไตล์ฝรั่งเศส โดยมีฟังก์ชั่นที่สามารถตอบรับวิถีชีวิตใหม่ ด้วยพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยฟังก์ชันที่ลงตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน เปิด Presale ครั้งที่ 2 " 20-21 ม.ค.นี้ เปิดจอง ทาวน์โฮมใหม่ 1.89 ล้าน"

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              ไลโอ เพชรเกษม-อ้อมน้อย (Lio Petchkasem - Omnoi)
 เจ้าของโครงการ     ลลิลพร็อพเพอร์ตี้
 แบรนด์ย่อย              ไลโอ
 ราคา                            เริ่มต้น 1.89 ลบ.

 ประเภทบ้าน            ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล          บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ         26 ไร่ 2 งาน 14 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน              279 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด           2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย                   ตั้งแต่ 105 ถึง 125 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                      2 ชั้น
 หน้ากว้าง                        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน          ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ           ตั้งแแต่ 1 ถึง 2 คัน
 สาธารณูปโภค              สวนสาธารณะ (การจัดสวนสไตล์โพรวองซ์ (Provence) พร้อม Solar Cell), ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (Main Gate แยกช่องทางเข้า-ออก), Keycard System, Co-working space

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน               นครปฐม, พุทธมณฑล, นครชัยศรี, สามพราน
 ที่ตั้ง              29 ถนนซอยเทศบาล 8 ตำบล ไร่ขิง อำเภอสามพราน นครปฐม 73210

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนพุทธมณฑลสาย 5, ถนนเพชรเกษม)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Big C อ้อมใหญ่ 4.5 กม.
วัดอ้อมน้อย 6 กม.
ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาซอยไวไว 1.2 กม.
ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาซอยไวไว 1.2 กม.
คาเฟ่ ชะตาธรรมชาติ 0.1 กม.
โรงเรียนยอแซฟฯ 5.3 กม.
มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา 14 กม.
โรงพยาบาลวิชัยเวช 12 กม.
โรงพยาบาลมหาชัย2 6 กม.

7
Doctor At Home: โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease/IBD)

หากสงสัย ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งจะทำการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษา

ในรายที่อาการเล็กน้อย แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ และแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การคลายเครียด การไม่สูบบุหรี่ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาอาการและลดความรุนแรงของโรค

ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะให้ยาควบคุมการอักเสบ ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่ม อาทิ ยาต้านการอักเสบ (เช่น สเตียรอยด์, mesalazine, sulfasalazine), ยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น azathioprine, cyclosporine, methotrexate), ยาชีววัตถุ (biologics เช่น infliximab, adalimumab, vedolizumab)

นอกจากนี้ แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้, ยาแก้ท้องเดิน (เช่น โลเพอราไมด์), ยาปฏิชีวนะ (เช่น ไซโพรฟล็อกซาซิน เมโทรไนดาโซล) ในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย, ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีภาวะซีด, โภชนบำบัดในรายที่น้ำหนักลดมาก, การผ่าตัด (เช่น ลำไส้ทะลุ มะเร็งลำไส้ ฝีคัณฑสูตร ลำไส้มีเลือดออกมาก หรือลำไส้อักเสบรุนแรง และใช้ยารักษาไม่ได้ผล)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่การรักษาด้วยยาเป็นการบรรเทาอาการและควบคุมการอักเสบ ซึ่งอาการมักดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่เนื่องจากโรคนี้มักเป็นเรื้อรังไม่หายขาด จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์ก็จะทำการแก้ไขให้ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

8
มอเตอร์โชว์: ALL NEW NISSAN KICKS สวยจริงแต่มาไทยไหม ส่วนสเปคและขุมพลังจะใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ หรือ e-POWER

จะมาพูดถึงรถยนต์รุ่นนึงของ NISSAN ที่โดดเด่นด้วย e-POWER นั่นคือ ALL NEW  KICKS รุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สหรัฐอเมริกา และมีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวในญี่ปุ่นเร็ว ๆ นี้ ซึ่งที่ผ่านมา รถยนต์ NISSAN ที่ใช้เทคโนโลยี e-POWER คือรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% แต่มีเครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่ ไม่ใช่ระบบไฮบริดแบบทั่วไปที่เครื่องยนต์และมอเตอร์ช่วยกันขับเคลื่อนรถ โดยมี KICKS e-POWER ที่เป็น B-SUV ที่ทำตลาดในปี 2020 เป็นครั้งแรก และ SERENA e-POWER (C28) เป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ส่วน ALL NEW  KICKS ที่กำลังจะพูดถึงนี้เป็นรุ่นที่กูรูช้างคาดว่าจะเข้ามาในอนาคตไทย กูรูช้าง จะพาไปวิเคราะห์แนวโน้ม ขุมพลัง เทคโนโลยี และความเหมาะสมของรุ่นใหม่นี้กับตลาดไทย
 
ดีไซน์และเทคโนโลยีใหม่ในเวอร์ชันอเมริกา
ดีไซน์ใหม่สไตล์ SUV ล้ำอนาคต ดูเหลี่ยมและกล่องมากขึ้น
ภายในติดตั้งหน้าจอคู่บนแดชบอร์ดยาวเต็มคอนโซล
พวงมาลัยมีดีไซน์ใกล้เคียงกับ Nissan Serena e-POWER
 
ขุมพลัง: เบนซินหรือ e-POWER?
ในสหรัฐฯ ยังใช้เครื่องยนต์เบนซินล้วน เพราะต้องตอบโจทย์การเดินทางระยะไกล
ในญี่ปุ่น คาดว่าใช้ระบบ e-POWER แน่นอน เพราะเป็นเทคโนโลยีหลักของ Nissan ในตลาดนี้
ในไทย หากจะนำเข้ามาจริง ก็ควรเป็นรุ่น e-POWER เช่นกัน เพราะจะเหมาะกับการใช้งานในเมือง และตรงกับแนวทางรถยนต์อนาคต
 
 
เปรียบเทียบกับรุ่นปัจจุบันในไทย
KICKS e-POWER รุ่นปัจจุบันยังคงทำตลาดในไทยอยู่ โดยใช้แบตเตอรี่ขนาด 35-45 ลิตร
จุดอ่อนคือระยะทางการวิ่งต่อถังน้อยกว่าเบนซินล้วน
ถ้า ALL NEW  KICKS ใช้มอเตอร์ตัวเดียวกับ Leaf แต่พัฒนาใหม่เพื่อเพิ่มพลัง ก็จะตอบโจทย์มากขึ้น
 
การเปิดตัวในไทย เมื่อไหร่?
ถ้าพิจารณาจากไทม์ไลน์ คาดว่าจะยังไม่เปิดตัวในไทยภายในปีนี้
มีโอกาสเปิดตัวในช่วงกลางปีหน้าหรือปลายปี 2026
หากจะผลิตในไทย ควรเริ่มด้วยขุมพลัง e-POWER ใหม่ เพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งในกลุ่ม B-SUV ได้
 
ราคาเปิดตัวในไทย (คาดการณ์)
ราคาน่าจะเริ่มต้นที่ประมาณ 899,000 บาท ถึง 1,100,000 บาท หากมีรุ่นพิเศษ เช่น ขับเคลื่อน 4 ล้อหรือมอเตอร์คู่ ราคาก็อาจแตะ 1.4 – 1.5 ล้านบาทได้

คู่แข่งในตลาด
Mitsubishi X-Force: ออปชันครบ ราคาน่าสนใจ
Honda HR-V: พรีเมียม มีเวอร์ชันไฮบริดให้เลือก
Toyota Yaris ATIV Hybrid (ใหม่): คาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ พร้อมเทคโนโลยีไฮบริดใหม่จาก Yaris Cross
 
สำหรับผู้ที่รอ
หากคุณใช้งาน NISSAN KIXKS อยู่แล้วและชื่นชอบระบบขับเคลื่อน e-POWER แนะนำให้รอรุ่นใหม่ แต่หากคุณต้องการรถใหม่เร็วๆ นี้ ควรมองทางเลือกอื่น เช่น SERENA C28 ที่เป็น MPV e-POWER ตัวใหม่ ใช้งานได้หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น

9
จัดฟันเด็กเสร็จแล้วฟันก็จะอยู่ในสภาพนั้นตลอดไปหรือไม่
 
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัญหาการเกิดฟันผุนั้น เกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องปากรวมตัวกับเศษอาหารและน้ำลายสะสมกันเป็นคราบเหนียว ที่เรียกว่า คราบฟัน หรือคราบแบคทีเรีย ซึ่งจะเกาะอยู่บนผิวของฟัน แบคทีเรียเหล่านี้จะเปลี่ยนสภาพน้ำตาลและแป้งให้เป็นกรด มีฤทธิ์ทำลายแร่ธาตุที่ผิวฟัน จนก่อให้เกิดเป็นรู โดยเริ่มจากขนาดเล็กๆ ลุกลามใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคฟันผุ

ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดได้ในเด็กตั้งแต่อายุไม่ถึง 1 ปี หรือเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นเป็นซี่แรก เนื่องจากชั้นเคลือบฟันของฟันน้ำนมจะบางกว่าชั้นเคลือบฟันของฟันแท้ และยังมีแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของความแข็งแรง เช่น แคลเซียม และฟอสฟอรัสน้อยกว่าในฟันแท้อีกด้วย จึงทำให้ฟันน้ำนมมีโอกาสผุได้ง่ายมาก ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้ามเรื่องเล็กๆแบบนี้ไป เพราะอาจจะทำให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต

ถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ซึ่งพ่อแม่หลายคนมองว่า การจัดฟันในเด็กนั้น ยังไม่มีความจำเป็น เพราะเด็กยังมีฟันน้ำนมอยู่และต่อไปก็ต้องมีฟันแท้ขึ้นมาอยู่ดี นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เด็กมีปัญหาฟันผุจำนวนมาก และหลายคนก็สงสัยว่า การเขารับการจัดฟันในเด็ก จะสามารถทำให้เด็กมีฟันที่คงสภาพนี้ไปได้ตลอดไปหรือไม่ ซึ่งข้อนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนกังวล ดังนั้น วันนี้ทางคลินิก เราจะมาพูดถึงประเด็นจัดฟันในเด็กเสร็จแล้วฟันก็จะอยู่ในสภาพนั้นตลอดไปหรือไม่ เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่กำลังมีปัญหาฟันได้เข้าใจอย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น
 
การจัดฟันในเด็ก ถึงแม้ว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่พฤติกรรมระหว่างการจัดฟัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เด็กมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติได้ ดังนั้น จึงเป็นบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะต้องคอยแนะนำและสอนให้เด็กมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน รวมไปถึงการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของทันตแพทย์


เพื่อที่ผลการรักษาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างแท้จริง เพราะการแก้ไขปัญหาฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษามีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากการรักษาไม่มีความซับซ้อน การจัดฟันในช่วงที่ฟันกำลังมีการพัฒนาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การรักษาไม่นุ่งยาก เหมือนกับการจัดฟันในวัยผู้ใหญ่ เพราะปัญหาฟันจะแก้ยากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น


ในเรื่องของสภาพฟันหลังจากการจัดฟัน คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องดูแลเหมือนตอนจัดฟัน ถือว่าเป้นความคิดที่ผิด เพราะคิดฟันจะเรียงตัวสวยอยู่สภาพนั้นไปตลอด ไม่เปลี่ยนแปลงไปอีกเลยตลอดกาล นี่เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ไม่เป็นจริง เพราะหลังจากที่เด็กเข้ารับการจัดฟันเสร็จแล้ว


โดยปกติฟันของเรายังสามารถมีการเคลื่อนที่อยู่ต่อไปได้อีก ดังนั้น สิ่งที่สำคัญหลังจากการจัดฟันก็คือ เด็กจะต้องจำเป็นจะต้องสวมใส่รีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟันและรักษารูปแบบของฟันให้คงอยู่ดังเดิม และไม่ให้ฟันล้ม จนต้องกลับมาจัดฟันใหม่อีกครั้ง เพราะถ้าเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟันใหม่อีกครั้งในอนาคต นั่นถือว่า การจัดฟันในเด็กไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจจะมีผลมาจากการที่เราไม่ดูแลรักษาฟันให้ดี และละเลยเกี่ยวกับปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะคอยเตือนคอยแนะนำให้เด็กใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มาก เพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงามได้
 
ดังนั้น หากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับฟันหรือความผิดปกติที่เกี่ยวกับรูปร่างฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อให้เด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้เด็ก มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อยได้ หากใครสนใจ พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือเข้าตรวจฟันเบื้องต้น ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพื่อที่จะได้ให้เด็กมีสุขขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรงตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพฟัน และยังช่วยทำให้เด็กได้ทีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีรอยยิ้มที่สดใส สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

10
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หมายถึง ภาวะที่ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาล หรือกลูโคส (glucose) ในเลือดต่ำกว่าปกติ (ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 50 มก./ดล.)

ถือเป็นภาวะที่ร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายได้

สาเหตุ

อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น

1. พบหลังดื่มแอลกอฮอล์จัด อดข้าว มีไข้สูง หรือออกกำลังมากไป

2. ผู้ป่วยเบาหวานที่กำลังได้รับยาเบาหวาน บางครั้งกินอาหารน้อยไปหรือกินอาหารผิดเวลา หรือออกแรงกายมากไปกว่าที่เคยทำอยู่ หรือใช้ยาเกินขนาด ก็อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ผู้ป่วยที่กินยาเม็ดรักษาเบาหวานในตอนเช้า มักจะมีอาการตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ฉีดอินซูลินตอนเช้า มักจะมีอาการตอนบ่าย ๆ

3. พบในทารกแรกคลอดที่มารดาเป็นเบาหวาน หรือทารกมีน้ำหนักน้อย (ดู ภาวะชักในทารกแรกเกิด)

4. ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ บางรายก็อาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นครั้งคราวได้ เนื่องจากร่างกายมีการใช้น้ำตาลมากขึ้น

5. ผู้ป่วยที่ผ่าตัดกระเพาะอาหารออกไปแล้ว อาจเกิดภาวะนี้ได้บ่อย ๆ โดยมากจะเกิดหลังกินอาหาร 2-4 ชั่วโมง เนื่องจากลำไส้มีการดูดซึมน้ำตาลเร็วเกินไป ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เรียกว่า “Dumping syndrome”

6. ถ้าเป็นอยู่บ่อย ๆ อาจมีสาเหตุจากโรคตับเรื้อรัง มะเร็งตับอ่อนชนิดอินซูลิโนมา (insulinoma) มะเร็งต่าง ๆ โรคแอดดิสัน เป็นต้น

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย ใจหวิว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก รู้สึกหิว

บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ ซึม กระสับกระส่าย พูดอ้อแอ้ แขนขาอ่อนแรง ปากชา มือชา พูดเพ้อ เอะอะโวยวาย ก้าวร้าว ลืมตัว หรือทำอะไรแปลก ๆ (คล้ายคนเมาเหล้า)

ถ้าเป็นรุนแรง อาจมีอาการชัก หมดสติ

ในรายที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยอาจมีอาการตัวเย็นชืด แขนขาเกร็ง ขากรรไกรแข็ง

ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยให้หมดสติอยู่นาน หรือเป็นอยู่ซ้ำ ๆ จะทำให้สมองพิการ ความจำเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนไปจากเดิม วิกลจริต

บางรายอาจหลับไม่ตื่นเนื่องจากสมองพิการอย่างถาวร


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบดังนี้

เหงื่อออก มือเท้าเย็น อาจมีอาการชักหรือหมดสติ ชีพจรมักจะมีลักษณะเบาเร็ว บางรายอาจพบความดันเลือดต่ำ

รูม่านตามักจะมีขนาดปกติ และหดลงเมื่อถูกแสง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดด้วยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งจะพบว่าต่ำกว่าปกติ (มักจะพบต่ำกว่า 50 มก./ดล. ในรายที่เป็นมากอาจต่ำกว่า 20 มก./ดล.)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าหมดสติ แพทย์จะให้ฉีดกลูโคสขนาด 50% จำนวน 50-100 มล. เข้าทางหลอดเลือดดำ หากผู้ป่วยฟื้นแล้ว แต่ยังกินไม่ค่อยได้ ก็จะให้เดกซ์โทรส 5% (5% D/W) เข้าทางหลอดเลือดดำจำนวน 500-1,000 มล.

2. ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัวและกินได้ แพทย์จะให้กินน้ำหวาน หรือกลูโคส

3. แพทย์จะตรวจหาสาเหตุ และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ


การดูแลตนเอง

ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย ใจหวิว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก รู้สึกหิว หรือสงสัยมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (เช่น พบในผู้ที่กำลังรักษาโรคเบาหวาน อดข้าว หรือ ดื่มแอลกอฮอล์จัด) ควรรีบกินน้ำตาล ของหวาน หรือลูกอม หากทุเลาทันที ก็แสดงว่าเป็นภาวะนี้ ต่อไปควรหาทางป้องกันไม่ให้กำเริบอีก

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีอาการชัก ซึมมาก หรือหมดสติ
    กินน้ำตาล ของหวาน หรือลูกอมแล้วไม่ทุเลา
    เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

การป้องกัน

    ผู้ป่วยเบาหวานที่ใช้ยาเบาหวานรักษา ต้องปรับอาหารการกินและการออกกำลังกาย (การใช้แรงกาย) ให้พอเหมาะ อย่าอดอาหาร อย่ากินอาหารผิดเวลา อย่าใช้แรงกายหักโหมหรือหนักกว่าที่เคยทำ ข้อสำคัญอย่าใช้ยาเกินขนาดที่แพทย์สั่ง และพกน้ำตาล ของหวานหรือลูกอมติดตัวไว้แก้ไขเมื่อเริ่มรู้สึกมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
    หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จัด
    กินอาหารให้ตรงเวลา อย่าอดข้าว ถ้ารู้สึกหิว ควรรีบกินอาหาร ของหวาน หรือดื่มนม หรือน้ำหวาน


ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่มีอาการที่ชวนสงสัยว่าเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้ายังรู้สึกตัวดี ควรรีบกินน้ำตาล น้ำหวาน หรือของหวาน ๆ ทันที ซึ่งจะช่วยให้อาการต่าง ๆ ทุเลาลงทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับยารักษาเบาหวานอยู่ ควรพกน้ำตาลติดตัวไว้กินทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกมีอาการ

แต่ถ้าหมดสติ ห้ามกรอกน้ำตาลหรือน้ำหวานเข้าปากผู้ป่วย อาจทำให้สำลักลงปอดได้ ควรรีบนำไปยังสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด เพื่อฉีดกลูโคสเข้าหลอดเลือดดำ

2. ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้บ่อย ๆ ควรบอกให้ญาติและเพื่อนใกล้ชิดทราบ เพื่อจะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงทีหากปล่อยไว้จนหมดสติหรือชักนาน ๆ อาจทำให้สมองพิการได้

3. ในรายที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ควรให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด 

4. ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน (มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวาน) บางรายอาจเกิดอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในช่วงหลังกินอาหาร 2-4 ชั่วโมงได้บ่อย (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำลักษณะนี้ เรียกว่า “Reactive hypoglycemia”) และอาจกลายเป็นเบาหวานในระยะอีกหลายปีต่อมา ดังนั้นผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย ๆ และตรวจพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวานก็ควรควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และควบคุมน้ำหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นเบาหวาน

11
ท่อลมร้อนสแตนเลส เหมาาะกับการใช้ประเภทไหนบ้าง

ท่อลมร้อนสแตนเลส (Stainless Steel Duct) เป็นตัวเลือกที่มีคุณภาพสูงและประสิทธิภาพดีเยี่ยมสำหรับการใช้งานในสภาวะที่ท้าทาย เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของสเตนเลสสตีลเอง จึงเหมาะสำหรับใช้งานประเภทต่าง ๆ ดังนี้:

1. งานที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิสูงมาก (High Temperature Applications)

คุณสมบัติ: สแตนเลสสตีลมีความสามารถในการทนความร้อนได้สูงกว่าเหล็กชุบสังกะสีมาก โดยทั่วไปสามารถทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -40°C ไปจนถึง 450°C (บางเกรดพิเศษอาจทนได้สูงกว่า 500°C) โดยยังคงความแข็งแรงและโครงสร้างไว้ได้ดี ไม่บิดงอหรือเสื่อมสภาพง่ายเมื่อเผชิญกับความร้อนจัด
เหมาะสำหรับ:
ระบบระบายไอเสีย/ควันร้อนสูง: จากเตาเผา, เตาอบอุตสาหกรรม, เครื่องจักรที่มีการเผาไหม้
ท่อส่งลมร้อนในกระบวนการผลิตที่มีอุณหภูมิสูงมาก: เช่น การอบแห้งผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ต้องใช้อุณหภูมิสูง, การบ่มวัสดุ, การแปรรูปโลหะ
โรงไฟฟ้า: สำหรับการระบายไอเสียหรือก๊าซร้อน


2. อุตสาหกรรมที่ต้องการสุขอนามัยสูง (High Hygiene Industries)

คุณสมบัติ: สแตนเลสสตีลมีพื้นผิวที่เรียบ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม ไม่เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียหรือสิ่งปนเปื้อน และไม่ทำปฏิกิริยากับสารที่สัมผัส
เหมาะสำหรับ:
โรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม: ท่อลมร้อนที่ใช้ในการอบแห้ง, การฆ่าเชื้อ, หรือการควบคุมสภาพแวดล้อมการผลิต
อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์: ระบบท่อลมที่ต้องมีความสะอาดปราศจากเชื้อ และไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในกระบวนการผลิตยา
โรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการวิจัย (Cleanroom/Laboratory): ระบบระบายอากาศหรือท่อลมที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ


3. งานที่มีการกัดกร่อนสูง (Corrosive Environments)

คุณสมบัติ: สแตนเลสสตีลมีความต้านทานการกัดกร่อนจากสารเคมี, กรด, ด่าง, และความชื้นได้ดีเยี่ยม เนื่องจากมีโครเมียมเป็นส่วนประกอบหลักที่สร้างชั้นฟิล์มป้องกันการเกิดออกซิเดชัน
เหมาะสำหรับ:
โรงงานเคมีและปิโตรเคมี: ท่อลมที่ต้องลำเลียงอากาศหรือไอที่มีสารเคมีปนเปื้อน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีไอระเหยของสารเคมี
งานที่มีความชื้นสูงและไอเกลือ: เช่น โรงงานแปรรูปอาหารทะเล หรือพื้นที่ใกล้ทะเล ที่เหล็กทั่วไปอาจเกิดสนิมได้ง่าย
ระบบระบายไอเสียที่มีสารเคมี: จากกระบวนการชุบโลหะ, การบำบัดน้ำเสีย


4. งานที่ต้องการความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน (Durability & Longevity)

คุณสมบัติ: สแตนเลสสตีลมีความแข็งแรง ทนทานต่อการสึกหรอ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าวัสดุอื่น ๆ มาก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมบำรุงในระยะยาว
เหมาะสำหรับ:
โรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง: เพื่อลด Downtime ที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตจำนวนมาก
งานโครงสร้างถาวร: ที่ไม่ต้องการการเปลี่ยนบ่อยครั้ง


5. งานที่ต้องการความสวยงาม (Aesthetics)

คุณสมบัติ: สแตนเลสสตีลมีพื้นผิวที่มันวาว สวยงาม และดูทันสมัย
เหมาะสำหรับ:
โรงงานหรือพื้นที่ที่ต้องการโชว์ท่อลมเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ เช่น โรงงานที่มีการจัดแสดงกระบวนการผลิต หรือห้องครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการความสะอาดและสวยงาม


สรุป
โดยรวมแล้ว ท่อลมร้อนสแตนเลสเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง, ความปลอดภัย, ความทนทานต่ออุณหภูมิและการกัดกร่อน, และสุขอนามัยที่ดีเยี่ยม แม้จะมีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่าท่อลมร้อนชนิดอื่น ๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงอายุการใช้งานที่ยาวนาน, ค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า, และประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้แล้ว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมเหล่านี้

12
บริการทำความสะอาด: การจัดระเบียบชีวิตจากห้องต่างๆ ?

การจัดระเบียบบ้าน คือการจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยข้าวของหรือสิ่งต่างๆ จะต้องอยู่อย่างถูกที่ถูกทาง ไม่รกรุงรัง ไม่เกะกะ ไม่สกปรก และผู้อยู่อาศัยจะต้องสามารถใช้ชีวิตประจำวันอยู่ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย การ ทำความสะอาดบ้าน และ การจัดระเบียบบ้านนั้นถือว่าเป็นหน้าที่หลักของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านทุกคนที่พึงกระทำ แต่เชื่อว่าหลายคนอาจจะปล่อยปะละเลยจนทำให้บ้านไม่เป็นระเบียบ นอกจากจะทำให้บ้านหรือห้องของคุณดูไม่น่ามองแล้ว การปล่อยให้ห้องไม่เป็นระเบียบยังส่งผลต่อนิสัยของผู้อยู่อาศัยด้วย เมื่ออยู่ไปนานวันนิสัยที่ไม่ดีทางสังคมและสุขภาพจะแย่ลง ดังนั้น จึงได้มีคำพูดที่ว่า “การจัดบ้านก็เปรียบเสมือนกับการจัดการชีวิตของเรา” โดยในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถเริ่มจัดระเบียบชีวิตได้ง่ายๆ ด้วยการจัดบ้านนั่นเอง

เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการจัดระเบียบชีวิตภายในบ้านเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ โดยจะส่งผลสะท้อนมายังคุณภาพชีวิตคุณที่จะเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบด้วยนั่นเอง !


การจัดระเบียบชีวิตจากห้องต่างๆ ?

ปกติแล้วบ้าน แต่ละบ้านจะมีห้องและสัดส่วนที่ถูกจัดไว้ใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละห้องนั้นจะมีการดูแลและจัดระเบียบที่แตกต่างกัน ดังนี้ ???

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องนอน

ห้องนอน ??? คือห้องพักผ่อนของทุกคนถือเป็นห้องที่ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานพอสมควร เนื่องจากคนเราจำเป็นที่จะต้องเข้านอนหลับพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมสำหรับวันใหม่

แต่หลายคนที่ใช้ห้องนี้อยู่เป็นประจำมักจะละเลยและคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดหรือจัดระเบียบชีวิตมากนัก เพราะเพียงแค่กลับมาและทิ้งตัวนอนพักผ่อนได้ก็เพียงพอแล้ว แต่วิธีการจัดระเบียบชีวิตในห้องที่ถูกต้องควรจะปฏิบัติดังนี้

    ทำให้ใจให้สงบก่อนนอน อันดับแรกคุณควรฝึกทำให้จิตให้สงบและผ่อนคลายเพื่อพร้อมสำหรับการเข้านอน เช่น นั่งสมาธิ สวดมนต์ หรืองดเล่นมือถือ แลปท็อป เพื่อช่วยให้สมองได้หยุดทำงานและพร้อมสำหรับการนอนหลับอย่างแท้จริง หลายคนที่นอนไม่หลับมักเกิดจากสาเหตุนี้เป็นส่วนใหญ่นั่นเอง
    เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลา นอกจากคุณจะต้องใส่ใจช่วงก่อนนอนโดยควรเข้านอนให้ตรงเวลาแล้ว ช่วงเวลาในการตื่นนอนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เชื่อว่าหลายคนมักจะตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นไม่ตรงกับนาฬิกาปลุกครั้งแรกสักเท่าไร เพราะเรามักจะกดเลื่อนปลุกเพื่อยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ เพื่อนอนหลับต่อ

ซึ่งนิสัยนี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนขี้เกียจและไม่ตรงต่อเวลา นอกจากนั้นเมื่อตื่นนอนแล้ว คุณจะรู้สึกไม่สดชื่นหรือไม่อยากทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วก็ควรจะลุกจากเตียงนอนและอาบน้ำแปรงฟันให้พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมวันใหม่ ทำให้เคยชินติดเป็นนิสัย ร่างกายก็จะเคยชินกับช่วงเวลาเข้านอน-ตื่นนอนต่อไปได้เองอัตโนมัติ

    เก็บที่นอนหลังจากตื่นนอน เมื่อคุณตื่นนอนสิ่งแรกที่ควรจะทำเลยก็คือ การเก็บที่นอนหลังจากตื่นนอนนั่นเอง ถือเป็นวิธีการจัดระเบียบในห้องนอนง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มที่ควรพับให้เรียบร้อย และการวางหมอนให้ถูกตำแหน่งที่เดิม คลึงผ้าปูเตียงให้เรียบร้อย ไม่ยับหรือย้วย เป็นต้น
    ทำความสะอาดเป็นประจำ ห้องนอนแม้ว่าจะเป็นห้องปิดที่มิดชิด แต่ก็ใช่ว่าเจ้าของห้องไม่จำเป็นต้องทำความสะอาด เพราะบางครั้งฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจจะเข้าไปอยู่ตามตู้ เตียง หมอน หรือผ้าห่มได้ เพราะฉะนั้นควรหาเวลาในการทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อช่วยให้สุขภาพการนอนของคุณดีขึ้น

การจัดระเบียบภายในห้องนอนจะทำให้คุณรู้จักการดูแลตัวเอง รับผิดชอบตนเอง และใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังส่งเสริมด้านการนอนหลับ ทำให้คุณนอนหลับง่าย หลับสบาย ไม่มีสิ่งใดมารบกวนการนอนหลับอีกด้วย

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องน้ำ

ห้องน้ำ ????? เป็นห้องปลดทุกข์ที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้กันอย่างเป็นประจำ ซึ่งวิธีการจัดระเบียบชีวิตที่ดีกับการใช้ห้องน้ำที่ถูกต้องสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

    ใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้น้ำอย่างประหยัดจะช่วยสร้างนิสัยความประหยัดและเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้น เช่น แปรงฟันโดยไม่เปิดน้ำทิ้งไว้และกดชักโครกหลังจากทำธุระเสร็จเพียงครั้งเดียว เป็นต้น
    เคารพสิทธิ์ของคนอื่น ห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่บ้านหรือห้องน้ำสาธารณะ คุณควรเคารพสิทธิ์ของผู้อื่น เช่น ไม่ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำมากจนเกินไป ไม่ทำพื้นห้องน้ำเลอะเทอะ และควรทำตามคะแนะนำในการใช้ห้องน้ำสาธารณะอย่างถูกต้อง
    ล้างห้องน้ำให้เป็น การทำความสะอาดห้องน้ำทุกคนสามารถทำได้ แต่จะต้องมีความตั้งใจและใส่ใจทุกส่วนของห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้องน้ำ ชักโครก คอห่าน หรืออ่างล้างหน้า แต่ละส่วนควรทำความสะอาดด้วยอุปกรณ์และน้ำยาที่ถูกต้อง

การทำความสะอาดห้องน้ำจะช่วยเปลี่ยนนิสัยของคุณให้เป็นคนที่หนักเอาเบาสู้ ไม่เลือกงาน ไม่ดูถูกคน ไม่ดื้อดึง และไม่มีทิฐิ อีกทั้งยังทำให้คุณเป็นคนที่มีนิสัยความอดทนอดกลั้น กล้าทำในสิ่งที่ท้าทายชีวิตได้มากขึ้น

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องแต่งตัว

เชื่อว่าทุกคนจะต้องมีห้องแต่งตัวหรือตู้เสื้อผ้าอย่างน้อย 1 ตู้ ????? โดยเป็นส่วนที่ควรจัดการและดูแลให้อยู่ในความเรียบร้อยอยู่เสมอ สำหรับการจัดระเบียบชีวิตจากการใช้ห้องแต่งตัวหรือตู้เสื้อผ้า เราสามารถทำได้ดังนี้

    จัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ เสื้อผ้าถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะใช้สำหรับสวมใส่ไปทำงาน ไปเที่ยว ไปเรียน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้น ควรแบ่งสัดส่วนของห้องแต่งตัวหรือตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ จะช่วยให้คุณสามารถหยิบจับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไปใช้ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
    นำเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ไปบริจาค สำหรับใครที่มีเสื้อผ้าเยอะ แต่ใส่ไม่ครบทุกตัว มิหนำซ้ำบางชุดยังไม่เคยใส่อีกด้วย คุณควรสำรวจเสื้อผ้าภายในตู้ของตัวเองและคัดเอาเสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้หรือไม่ได้ใส่แล้วไปบริจาค เพื่อนำมามอบให้กับผู้คนที่ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ต่อไป
    ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าอย่างพอดี สำหรับใครที่มีนิสัยชอบช้อปปิ้ง บางครั้งคุณควรจะกลับมาดูเสื้อผ้า กระเป๋าและรองเท้าภายในห้องของคุณว่าทุกชิ้นนั้นได้ใช้ประโยชน์จากมันหรือไม่ หลายคนเลือกซื้อเพียงเพราะชอบในความสวยงามจนทำให้เสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องประดับต่างๆ มีเยอะมากมายจนเกินความจำเป็น

การจัดระเบียบภายในห้องแต่งตัวจะช่วยทำให้คุณเป็นคนที่มีแบบแผนในการดำเนินชีวิต ใช้เงินทองอย่างคุ้มค่า มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น และเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากการนำเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วไปบริจาคให้เกิดประโยชน์

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องกินข้าว

ห้องกินข้าว ???? ถือเป็นห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำครัวและวัตถุดิบมากมาย แต่นอกจากคุณจะต้องทำความสะอาด จัดเรียงอุปกรณ์เครื่องครัวให้ถูกต้อง และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถจัดระเบียบชีวิตอื่นๆ จากห้องกินข้าวเพิ่มเติมได้ดังนี้

    ทานอาหารให้พร้อมหน้าพร้อมตา การรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันจะช่วยให้คุณเป็นคนที่นึกถึงคนอื่นมากขึ้น และเป็นการแสดงถึงความห่วงใยคนอื่นๆ อีกทางหนึ่ง
    ตักข้าวและกับข้าวให้พอดี การทานอาหารในแต่ละมื้อ คุณควรจะตักข้าวและกับข้าวอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้าวเหลือทิ้งในภายหลัง
    มารยาทบนโต๊ะอาหาร การทานอาหารที่ดีควรเลือกใช้ช้อนกลางทุกครั้ง ไม่ควรทานข้าวเสียงดัง และไม่ควรพูดจาเสียงดังในระหว่างทานอาหาร
    เสียสละให้ผู้อาวุโส ในกรณีที่ทานอาหารร่วมกับผู้ที่มีอายุเยอะกว่า ควรให้เกียรติผู้ใหญ่ในการตักอาหารต่างๆ ก่อน

การจัดระเบียบการใช้ชีวิตภายในห้องกินข้าวหรือห้องครัว จะส่งผลทำให้คุณเป็นคนที่มีความรับผิดชอบตัวเองมากยิ่งขึ้น รู้จักความพอดี และทำให้เป็นคนที่มีความเคารพนอบน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่

   
การจัดระเบียบชีวิตจากห้องทำงาน

ห้องทำงาน ???? คือห้องที่ต้องใช้ความคิดและสมาธิเป็นอย่างมาก ดังนั้น การจัดระเบียบภายในห้องทำงานถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยทำงาน คุณควรเริ่มจากการไม่วางเอกสารกองไว้เต็มโต๊ะ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้คุณกลายเป็นคนขี้เกียจและไม่รู้จักวิธีการจัดลำดับความสำคัญ เพราะฉะนั้น ควรเริ่มจากการตรวจสอบเอกสารทุกอย่างบนโต๊ะและจัดตารางว่าสิ่งใดควรทำก่อนหลัง จะช่วยทำให้คุณกล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ และตัวงานจะออกมาสำเร็จเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น


??? ประโยชน์ของการจัดระเบียบบ้านและจัดระเบียบชีวิต ???

วิธีจัดระเบียบบ้านและจัดระเบียบชีวิตเหล่านี้สามารถสร้างประโยชน์ให้กับชีวิตของคุณได้จริง เพราะคุณจะได้ทั้งบ้าน กาย และใจที่สะอาดขึ้น เปลี่ยนให้คุณเป็นคนที่ตรงต่อเวลาไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม ทำให้เป็นคนที่มีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและส่วนรวม และเปลี่ยนให้คุณเป็นคนที่สุภาพอ่อนน้อม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรามากยิ่งขึ้น ??

การจัดระเบียบบ้านและจัดระเบียบชีวิต สามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนได้อย่างแท้จริง เพราะคุณภาพชีวิตของคนที่ใช้วิธีนี้จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนิสัยใจคอ รูปแบบการดำเนินชีวิต การทำงาน และความสุขต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว

13
โรคปอดอักเสบ...โรคร้ายแรงที่คุณสามารถป้องกันได้!

ปอดอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่มักแพร่ระบาดหนักในช่วงที่สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฤดูฝนและฤดูหนาว!! เนื่องจากเป็นช่วงที่คนป่วยเป็นไข้หวัดกันเยอะ มีภูมิต้านทานลดน้อยลง ส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น โดยมากคนมักติดโรคจากการได้รับเชื้อจากผู้ป่วยคนอื่น ดังนั้น โรคนี้จึงมีความเสี่ยงมากเป็นพิเศษในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด


โรคปอดอักเสบเกิดขึ้นได้อย่างไร

ปอดอักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักพบปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อมากกว่า เชื้อที่ว่านั้นมีทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ซึ่งผู้ป่วยจะรับเชื้อเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ หากหายใจเอาเชื้อโรคเข้ามาในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำลง อาการของโรคก็จะแสดงออกมา ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย คนที่มีโรคประจำตัวหรือป่วยเป็นโรคอื่นร่วมด้วย มักมีแนวโน้มที่อาการจะรุนแรงกว่าผู้ที่มีสภาพร่างกายแข็งแรงปกติ

อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคนี้

    กลุ่มที่มีอาการชัดเจน อาการจะปรากฏภายในระยะเวลา 1-2 วัน และอาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว มักมีอาการไข้ หนาวสั่น ไอมีเสมหะสีเขียว สีเหลืองหรือไอมีเลือดปน เหนื่อยหอบและหายใจลำบาก เจ็บหน้าอกโดยเฉพาะเวลาไอ หรือหายใจเข้า-ออกลึกๆ
    กลุ่มที่มีอาการไม่ชัดเจน อาการจะค่อยเป็นอย่างช้าๆ และใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะปรากฏอาการปอดอักเสบอย่างชัดเจน บางคนมีอาการคล้ายไข้หวัด จะมีไข้ต่ำๆ หรือ ไม่มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรือปวดตามข้อ อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง


รู้ไหม? โรคปอดอักเสบสามารถป้องกันได้นะ

แม้โรคปอดอักเสบจะดูร้ายแรง…แต่ในปัจจุบันก็มี “วัคซีนป้องกัน” สำหรับเชื้อก่อโรคของปอดอักเสบ!!! ดังนั้น หากคุณหรือคนในครอบครัวตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรเข้ารับการฉีดวัคซีน..ก่อนเกิดโรค

เช็คหน่อยไหม? คุณใช่หนึ่งในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่

    ผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี
    ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติจากยา เช่น สเตียรอยด์, ยากดภูมิ, ยาต้านมะเร็งบางชนิด หรือการได้รับการฉายรังสี ตลอดจนการเป็นจากตัวโรคเอง เช่น โรคไตวาย, มะเร็ง, ไม่มีม้ามหรือม้ามไม่ทำงาน, ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูก, ติดเชื้อ HIV
    ผู้ที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอด, โรคหัวใจ เบาหวาน, ตับแข็ง, พิษสุราเรื้อรัง, สภาวะที่มีการรั่วของน้ำไขสันหลัง, ได้รับการปลูกถ่าย cochlear
    ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ หรือเป็นโรคหืด
    ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และมีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ

นอกจากฉีดวัคซีนแล้ว นี่คือ..พฤติกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรค

    พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
    รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ และอาหารเสริมสุขภาพในปริมาณที่พอเหมาะ
    ไม่ควรสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
    เด็กเล็กควรดูแลอย่างใกล้ชิดและคอยระวังไม่ให้เด็กสำลัก ควรแยกของเล่นชิ้นเล็กๆ ออกห่างจากมือเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กนำเข้าปาก
    เมื่อเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด สุกใส ฯลฯ ควรดูแลรักษาเสียแต่เนิ่นๆ หากมีอาการไม่ดีขึ้นให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด

14
งานมอเตอร์โชว์: Mercedes-Benz เปิดฉาก StarFest 2025 "The Hidden Season" พบกับดีลสุดพิเศษ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เดินหน้าเปิดประสบการณ์การเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับลักชัวรีผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายรับกลางปี 2568 กับงาน Mercedes-Benz StarFest 2025 “The Hidden Season” เทศกาลที่รวมทุกข้อเสนอพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลากหลายรุ่น นำโดย GLC, CLS, E-Class และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในไลน์อัปของ EQS และ EQE ทั้งรุ่น Sedan, SUV, และรุ่นสมรรถนะสูงจาก Mercedes-AMG พร้อมข้อเสนอที่มอบความคุ้มค่าสูงสุดด้วยส่วนลดพิเศษมากกว่า 1,000,000 บาท* สำหรับลูกค้าที่เข้ามาที่งาน StarFest 2025 “The Hidden Season” ณ ศูนย์ MBCC ถนนบางนาตราด กม.19 ระหว่างวันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 20.00 น. และที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่เข้าร่วมแคมเปญ ระหว่างวันที่ 16 - 22 มิถุนายน 2568

พบกับไฮไลต์สุดพิเศษที่ศูนย์ MBCC กับ Mercedes-Benz Certified รถผู้บริหารไมล์น้อยคุณภาพสูง มากกว่า 50 คัน ราคาเริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท* พร้อมประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

สัมผัสยนตรกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและการออกแบบที่ให้ทั้งความสะดวกสบายในการขับขี่และการโดยสารที่เหนือระดับ โดยมีรุ่นที่ร่วมรายการกว่า 6 รุ่น ได้แก่ GLC 220 d 4MATIC Avantgarde, GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, C 350 e AMG Dynamic (Night Edition), E 350 e Exclusive, E 220 d AMG Line และ E 350 e AMG Dynamic ที่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย
 
ในส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มีรุ่นที่ร่วมรายการทั้งหมด 9 รุ่น ได้แก่ EQE 300, Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+, EQE 350 4MATIC SUV Electric Art, EQE 350 4MATIC SUV AMG Line, EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic, EQS 450+ AMG Dynamic, EQS 500 4MATIC AMG Premium, EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic และ EQS 500 4MATIC SUV AMG Dynamic โดยมาพร้อมข้อเสนอพิเศษ Worry-Free ดังนี้

เงินชำระครั้งแรก 0%
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้ง นาน 1 ปี
รับฟรี Wallbox พร้อมติดตั้ง
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด เฉพาะรุ่นและสีรถที่ร่วมรายการ

15
การจัดฟันเด็กเล็ก มีความเสี่ยงหรือไม่ ?

ต้องบอกเลยว่ามีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กเล็ก และส่วนใหญ่จะเป็นความเชื่อในด้านลบ โดยผู้ใหญ่หลายๆท่านจะมองว่า เด็กเล็กจะจัดฟันไปทำไม เพราะเดี๋ยวฟันน้ำนมก็หลุด เชื่อมโยงไปถึงการมองข้ามคุณค่าประโยชน์และผลกระทบที่ตามมาของฟันน้ำนม ซึ่งถือว่าเป็นความคิดที่ผิดเป็นอย่างมาก

จากการศึกษาวิจัยทางด้านทันตกรรมมาโดยตลอดต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟันและเหงือกมีความสำคัญมากตั้งแต่แรกเกิด จึงควรที่จะทำการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากตั้งแต่แรกเกิดเสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ความความเป็นจริงฟันน้ำนมจะโยกคลอนและหลุดไปตามธรรมชาติ แต่หากว่าดูแลรักษาไม่ดีตั้งแต่ช่วงฟันน้ำนม ก็จะส่งผลเสียถึงฟันแท้ด้วยเช่นกัน

ซึ่งในวันนี้จึงขออนุญาตมาไขข้อสงสัย เกี่ยวกับการจัดฟันในเด็ก และความสำคัญของฟันน้ำนมที่หลายๆท่ายังเข้าใจผิดว่าไม่สำคัญ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


เด็กเล็กควรเริ่มจัดฟันตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

ต้องขอบอกเพียงสั้นๆว่า ยิ่งจัดฟันเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี และมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น เนื่องจากว่านวัตกรรมทางด้านทันตกรรมถือว่าก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่บนโลกได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปากเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และถือว่าเป็นคำถามหลักของผู้ปกครองว่า บุตรหลานต้องมีอายุเท่าไหร่ถึงควรทำการจัดฟันได้

ซึ่งทางด้านของสมาคมทันตแพทย์ประเทศออสเตรเลียได้กล่าวไว้เมื่อนานมาแล้วว่า เด็กเล็กที่มีปัญหาเรื่องการสบฟันที่ผิดปกติ หรือขากรรไกรที่ไม่เป็นธรรมชาติ อย่างช้าควรเริ่มทำการจัดฟันที่อายุประมาณ 7 ขวบ เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงวัยที่โครงสร้างต่างๆสามารถรักษาได้ง่าย เพราะยังไม่สิ้นสุดการเจริญเติบโต หากช้าไปกว่านี้อาจจะทำให้การจัดฟันจนเข้ารูปถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเข้าไปอีก


“EF Line” เครื่องมือจัดฟันเด็กเล็กที่ทันตแพทย์ทั่วโลกแนะนำ

อย่างที่ทราบกันดีว่าโลกในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ๆถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นตามลำดับ อุปกรณ์จัดฟันก็เช่นกัน เพราะเป็นหนึ่งในปัญหาที่มักพบเป็นอันดับต้นๆของผู้ที่ทำการรักษาโรคต่างๆเกี่ยวกับช่องปาก

ซึ่งนวัตกรรม EF Line นี้ถือว่าทำออกมาเพื่อตอบสนองการจัดฟันในเด็กเล็กๆได้เป็นอย่างดี ซึ่งอุปกรณ์จัดฟัน EF Line นี้ถูกออกแบบมาให้แก้ปัญหาแบบครอบคลุมสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 ขวบ จนกระทั่งถึง 15 ปี ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก

ซึ่งอุปกรณ์จัดฟัน EF Line นี้ไม่ได้เพียงแต่จัดฟันเด็กเล็กให้เข้ารูป แต่ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ เช่น คางยุบ คางเบี้ยว รวมถึงพฤติกรรมที่จะทำให้โครงสร้างฟันมีปัญหา เช่น การกลืนอาหารผิดวิธี การวางลิ้นผิดตำแหน่ง และการดูดนิ้ว เป็นต้น

EF Line จึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางทันตกรรมที่ลบความเชื่อผิดๆของผู้ใหญ่หลายๆท่านว่า ไม่ควรจัดฟันตอนเด็กได้อย่างสิ้นเชิง เพราะประสิทธิภาพของอุปกรณ์ชนิดนี้สูงจนทำให้หลายๆท่านเปลี่ยนความคิดและเห็นความสำคัญของฟันเด็กเล็กกันไปเลยทีเดียว


ระวังหากรอช้าไม่รีบจัดฟันในวัยเด็กเล็ก

– ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ฟันน้ำนมไม่ได้สำคัญ มีปัญหาก็ถอนทิ้ง ถือค่อยทำการรักษาตอนที่โตแล้วมีฟันแท้ขึ้นทั้งปาก ซึ่งนั่นคือความเข้าใจผิดและอาจจะสายเกินไปที่จะทำการรักษาแก้ไข เพราะฟันน้ำนมถือได้ว่ามีบทบาทมากๆต่อการเรียงตัวและรูปทรงของฟันแท้

– การจัดฟันตั้งแต่ที่ยังอายุน้อยๆ ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหา และลดความรุนแรง ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่อายุมากขึ้น การจัดฟันควรเริ่มตั้งแต่ในวัยประถม หากรอให้ถึงวัยมัธยมอาจจะสายเกินไป และความรุนแรงของการผิดปกติก็อาจจะมีมากขึ้นไปด้วยตามลำดับ

– ในปัจจุบันจากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่ดีขึ้น พบได้ว่าวัยรุ่น อายุประมาณ 18  ปีขึ้นไป จำนวนมากมีปัญหาเรื่องขนาดของขากรรไกร อาจเกี่ยวกับการรับประทาน หรือความเคยชินในพฤติกรรมวัยเด็กก็ตาม ทันตแพทย์ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำให้ทำการจัดฟัน เพราะอาจจะทำให้อาการผิดปกติยิ่งแย่ลงไปอีก แต่ทันตแพทย์จะให้ทำการรอดูอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลาหนึ่งเมื่อพร้อมถึงจะเริ่มการจัดฟัน ต่างกับเด็กเล็กๆที่ทันตแพทย์จะแนะนำให้รีบทำการจัดฟันในทันที

หน้า: [1] 2 3 ... 23