แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 24
1
ประสิทธิภาพของท่อลมร้อน ในการไหลเวียนของอากาศอย่างไร

ประสิทธิภาพของท่อลมร้อนในการไหลเวียนของอากาศนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของระบบระบายอากาศโดยรวมครับ หากการไหลเวียนไม่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้ระบบทำงานหนักขึ้น เปลืองพลังงาน และไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่

ประสิทธิภาพของท่อลมร้อนในการไหลเวียนของอากาศคืออะไร?
หมายถึง ความสามารถของท่อในการนำพาอากาศร้อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างราบรื่นและมีแรงต้านทานน้อยที่สุด เพื่อให้ได้ปริมาณลม (Airflow Rate หรือ CFM/CMH) และความเร็วลม (Air Velocity) ตามที่ออกแบบไว้

ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศในท่อลมร้อน มีดังนี้:

1. ขนาดของท่อ (Duct Size):

ท่อเล็กเกินไป:

ปัญหา: ทำให้เกิดแรงต้านทานการไหล (Pressure Drop) สูงมาก อากาศต้องบีบตัวผ่านช่องแคบๆ ทำให้ความเร็วลมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่:

พัดลมทำงานหนักขึ้น: ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการเอาชนะแรงต้านทาน

เสียงดัง: ความเร็วลมที่สูงมากทำให้เกิดเสียง "หวีด" หรือเสียงดังอื่น ๆ

การสึกหรอเร็วขึ้น: อนุภาคในลมร้อนจะเสียดสีกับผนังท่อรุนแรงขึ้น ทำให้ท่อสึกหรอเร็ว โดยเฉพาะบริเวณข้อโค้งงอ

ประสิทธิภาพลดลง: พัดลมไม่สามารถส่งลมได้ตามปริมาณที่ต้องการ

ท่อใหญ่เกินไป:

ปัญหา: ทำให้ความเร็วลมลดลงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งนำไปสู่:

การตกตะกอน: หากลมร้อนมีฝุ่นละออง เขม่า หรืออนุภาคแข็งปะปน อนุภาคเหล่านี้อาจตกตะกอนสะสมภายในท่อ ทำให้เกิดการอุดตันในที่สุด

การสะสมไขมัน: ในระบบดูดควันครัว ไขมันอาจควบแน่นและสะสมตัวได้ง่ายขึ้น

ต้นทุนสูง: ท่อขนาดใหญ่มีราคาแพงกว่าและใช้พื้นที่ติดตั้งมากกว่าโดยไม่จำเป็น

ขนาดที่เหมาะสม: การคำนวณขนาดท่อที่เหมาะสมตามปริมาณลมที่ต้องการและแรงดันของพัดลมจะช่วยให้เกิดความเร็วลมที่เหมาะสม ลดแรงต้านทาน และประหยัดพลังงาน


2. รูปแบบ/รูปร่างของท่อ (Duct Shape):

ท่อกลม (Round Ducts):

ประสิทธิภาพสูงสุด: เป็นรูปแบบที่ให้การไหลเวียนของอากาศดีที่สุด เนื่องจากไม่มีมุมอับ ทำให้ลมไหลได้อย่างราบรื่น ลดแรงเสียดทาน (Friction Loss) และลดการสะสมของสิ่งสกปรก

แข็งแรง: มีความแข็งแรงทางโครงสร้างดี ทนทานต่อแรงดันภายในได้ดี

ท่อสี่เหลี่ยม (Rectangular Ducts):

ข้อดี: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านความสูงหรือความกว้าง เนื่องจากสามารถออกแบบให้แบนราบได้

ข้อด้อย: มีมุมอับ 4 มุม ทำให้เกิดแรงเสียดทานมากกว่าท่อกลม และมีโอกาสที่ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกจะสะสมที่มุมได้ง่ายกว่า ทำให้ประสิทธิภาพการไหลลดลง


3. ความเรียบของพื้นผิวภายในท่อ (Internal Surface Roughness):
พื้นผิวเรียบ: วัสดุที่มีพื้นผิวภายในเรียบ เช่น สเตนเลสสตีล หรืออลูมิเนียมที่มีรอยต่อน้อย จะช่วยลดแรงเสียดทานของอากาศ ทำให้ลมไหลได้คล่องตัวกว่า

พื้นผิวขรุขระ: วัสดุที่มีพื้นผิวขรุขระ เช่น ท่อเฟล็กซ์แบบลอน หรือท่อที่มีการสะสมของสิ่งสกปรกมาก จะเพิ่มแรงเสียดทานและลดประสิทธิภาพการไหลอย่างเห็นได้ชัด


4. จำนวนและรูปแบบของข้อต่อ/ข้อโค้งงอ (Number & Type of Fittings/Bends):
ข้อต่อ/ข้อโค้งงอ: แต่ละครั้งที่ลมต้องเปลี่ยนทิศทางหรือผ่านข้อต่อ จะเกิดการสูญเสียพลังงานจากการปั่นป่วนของอากาศ (Turbulence) และแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้น

การออกแบบที่ดี: ควรออกแบบเส้นทางท่อให้ตรงที่สุด ลดจำนวนข้อต่อและข้อโค้งงอให้น้อยที่สุด และใช้รัศมีโค้งที่กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับข้อโค้งงอ เพื่อให้ลมไหลได้อย่างราบรื่น


5. การอุดตันและการสะสมของสิ่งสกปรก (Blockages & Accumulation):
สิ่งอุดตัน: ฝุ่นละออง เขม่า ไขมัน หรือสิ่งแปลกปลอมที่สะสมภายในท่อ จะทำให้ช่องทางการไหลของอากาศลดลงและเพิ่มแรงต้านทานอย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง

การบำรุงรักษา: การทำความสะอาดท่ออย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการอุดตันและรักษาประสิทธิภาพการไหล


6. การรั่วไหลของอากาศ (Air Leakage):
รอยรั่ว: หากรอยต่อของท่อไม่แน่นหนา หรือท่อมีรอยรั่ว อากาศจะรั่วไหลออกไปจากระบบ ทำให้ปริมาณลมที่ปลายทางลดลง และพัดลมต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยการรั่วไหล

การออกแบบและการติดตั้งท่อลมร้อนที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานครับ

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


4
บริการด้านอาหาร:อาหารลดรอยเขียวช้ำ หลังศัลยกรรม

เชื่อว่า สาวๆหลายคนที่อยากมีหน้าตาที่สวยงาม หรืออยากที่จะมีใบหน้าที่เป็นเสน่ห์และอยากเป้นที่ประทับใจ คงจะหนีไม่พ้นการเข้าทำศัลยกรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้ถือว่า การศัลยกรรม กำลังได้รับความนิยมมาก และเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ซึ่งใครที่เคยผ่านมีดหมอมาแล้ว จะทราบกันดีว่า หลังทำศัลยกรรมหลายๆคนอาจจะเกิดปัญหา รอยช้ำ ที่เกิดขึ้นหลังทำหัตถการ เหตุเกิดจากเส้นเลือดฝอยแตกจึงทำให้มีเลือดเข้าไปสะสมบริเวณนั้น ผิวหนังจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียวๆ ม่วงๆ หรือเป็นสีคล้ำ

เกิดขึ้นได้จากการกระแทกหรือแม้แต่หลังการผ่าตัดหลังจากการทำศัลยกรรมก็มีโอกาสที่จะทำให้เราเกิดรอยช้ำได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงวันที่2-3 วันหลังการศัลยกรรม และจะหายบวมช้ำไปเองใน 1-2 สัปดาห์ ปกติแล้วรอยช้ำนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ร้ายแรง และเมื่อถึงเวลาก็จะค่อยๆ หายไปได้เอง แต่ก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและอาหารการกินของเรา ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึง อาหารที่จะสามารถช่วยลดอาการฟกช้ำหรือรอยเขียวช้ำ หลังทำศัลยกรรมมาฝากกัน เพื่อให้สาวๆ ได้เลือกรับประทานอาหารได้อย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้กลับมาสวยไวๆ

 หลายคนเชื่อว่า การดื่มน้ำมะพร้าวหลังจากทำศัลยกรรมจะช่วยลดอาการเขียวช้ำได้ ซึ่งน้ำมะพร้าว มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายและบำรุงผิว เนื่องจากน้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 6 วิตามินซีฮอร์โมนเอสโตรเจน การดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งหลังจากการผ่าตัดหรือทำศัลยกรรม จะช่วยลดอาการบวมและลดรอยช้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยขับของเสีย ขับพิษออกจากร่างกาย ลดอาการกรดไหลย้อน ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิว จึงทำให้ผิวพรรณเต่งตึง เปล่งปลั่งสดใสได้นั่นเอง ต่อมาฟักทองหรือน้ำฟักทอง ซึ่งสามารถช่วยลดบวม ลดรอยเขียวช้ำได้

และยังรับประทานได้ง่าย รสชาติอร่อย อุดมไปด้วยวิตามิน A ช่วยรักษาอาการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดได้ ส่งผลทำให้รอยช้ำหายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยดีท็อกซ์ขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยฟื้นฟูบำรุงสุขภาพผิว ให้เปล่งปลั่งสดใส ปกป้องไม่ให้ผิวเหี่ยวย่น นอกจากนี้ ใบบัวบก ก็ยังเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ลดรอยเขียวช้ำได้ เป็นอาหารที่หลายๆ คนนึกถึง เนื่องจากสรรพคุณของใบบัวบก คือการบำรุงการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดอาการบวมและบรรเทาอาการฟกช้ำ อย่างเช่น แผลผ่าตัดหรือแม้แต่รอยเล็กๆ และยังช่วยให้รอยแผลเรียบเนียนได้อีกด้วย

อาหารชนิดต่อมาก็คือ สาหร่าย ที่มีสรรพคุณช่วยลดบวมและลดรอยช้ำได้ เนื่องจากสาหร่ายเป็นพืชที่มีเส้นใย แร่ธาตุและแคลเซียมสูง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตร่างกายสามารถดูดซึมออกซิเจนได้อย่างปกติ ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่น และยังช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย เพราะมีใยอาหารช่วยให้รู้สึกอิ่มและช่วยลดปริมาณไขมันคอเลสเตรอลชนิดไม่ดีต่อร่างกายได้ รวมไปถึงถั่วดำ ช่วยลดอาการอักเสบจากการติดเชื้อหรืออาการอักเสบหลังผ่าตัดได้ ลดอาการอักเสบจากแผลอาการลดรอยช้ำก็จะลดลง และถั่วดำช่วยการขับสารพิษออกจากร่างกาย มีสารแอนโทไซยานิน ที่มีคุณสมบัติช่วยล้างพิษได้ และถั่วดำเป็นอาหารที่มีประสิทธิภาพสามารถดีท็อกซ์สารพิษภายในร่างกายได้มากกว่าส้มสูงถึง 10 เท่าเลยทีเดียว และสุดท้าย มะเขือเทศ ที่หลายคนชื่นชอบ

ยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซีและวิตามินเอ ช่วยลดช่วยลดโซเดียม ทำให้ลดรอยช้ำได้ดี ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงโรคร้ายต่างๆ ลดอาการการติดเชื้อการเสื่อมของร่างกายได้ดี เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้อเสื่อม โรคหลอดเลือด และโรคตาต้อกระจกได้ ทั้งหมดนี้คือ อาหารที่มีส่วนช่วยในการลดรอยเขียวช้ำหลังจากการทำศัลยกรรม แถมยังมีประโยชน์ในด้านการบำรุงระบบต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 อย่างไรก็ตาม เราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และที่สำคัญควรจะหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย

5
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะขาดไทรอยด์/ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism)

ภาวะขาดไทรอยด์ (ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย) หมายถึง ภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ร่างกายทำงานเชื่องช้าเนื่องจากขาดฮอร์โมนกระตุ้น เกิดอาการไม่สบายต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน

เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบมากในผู้หญิงวัยกลางคน

สาเหตุ

ที่พบบ่อย มีสาเหตุจากภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคคอพอกเป็นพิษ (จะโดยวิธีให้ยาต้านไทรอยด์ กินสารกัมมันตรังสี หรือผ่าตัดก็เป็นได้เหมือน ๆ กัน) และจากภาวะแทรกซ้อนของต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรัง (ต่อมไทรอยด์อักเสบแบบฮาชิโมโต)

บางรายอาจเกิดจากผลข้างเคียงของการฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง (เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) ที่บริเวณคอ หรืออาจเกิดจากการใช้ยา เช่น ลิเทียม อะมิโอดาโรน (amiodarone) เป็นต้น

บางรายอาจมีสาเหตุจากความผิดปกติของต่อมใต้สมองที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ เช่น โรคชีแฮน เนื้องอกต่อมใต้สมอง เนื้องอกสมอง เป็นต้น

ในเด็กเล็ก อาจเกิดจากภาวะขาดไอโอดีนในมารดาระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือเกิดจากต่อมไทรอยด์เจริญไม่ได้เต็มที่ ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด

นอกจากนี้อาจพบในหญิงขณะตั้งครรภ์หรือหลังคลอด เนื่องจากมีการสร้างสารภูมิต้านทานต่อไทรอยด์ หากไม่ได้รับการรักษา อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคครรภ์เป็นพิษ แท้งบุตร และทารกคลอดก่อนกำหนดได้

อาการ

ในผู้ใหญ่ อาการจะค่อย ๆ เกิดขึ้นช้า ๆ กินเวลาเป็นแรมเดือน หรือแรมปี

ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เฉื่อยชา ทำงานเชื่องช้า คิดช้า ขาดสมาธิ ความจำไม่ดี ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ลำไส้ก็มักจะเคลื่อนไหวช้า ทำให้มีอาการท้องผูกเป็นประจำ

เนื่องจากร่างกายทำงานเชื่องช้า มีการใช้พลังงานน้อย ผู้ป่วยจึงมักมีรูปร่างอ้วนขึ้น ทั้ง ๆ ที่กินไม่มาก และจะรู้สึกขี้หนาว (รู้สึกหนาวกว่าคนปกติ จึงชอบอากาศร้อนมากกว่าอากาศเย็น)

อาจมีอาการเสียงแหบ หูอื้อ หูตึง ปวดชาปลายมือ เนื่องจากเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น ทั้งนี้เนื่องจากมีสารมิวโคโพลีแซ็กคาไรด์สะสมที่กล่องเสียง ประสาทหู และช่องที่เส้นประสาทมือผ่าน

บางรายอาจไม่มีความรู้สึกทางเพศ

ในผู้หญิงอาจมีประจำเดือนออกมากหรือประจำเดือนไม่มา

ถ้าเป็นรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการซึมลงจนหมดสติเรียกว่า "Myxedema coma" ซึ่งมักมีสาเหตุกระตุ้น เช่น ถูกความเย็นมาก ๆ ได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคติดเชื้อ ใช้ยาแก้ปวดกลุ่มนาร์โคติก (narcotic) เป็นต้น

ในทารกแรกเกิด จะมีอาการซึม ไม่ร้องกวน หลับมาก ต้องคอยปลุกขึ้นให้นม มักมีอาการเสียงแหบ ท้องผูกบ่อย และอาจมีอาการดีซ่านอยู่นานกว่าปกติ

เมื่ออายุมากขึ้น เด็กจะมีการเจริญเติบโตช้า ฟันขึ้นช้า ผิวหนังหยาบแห้ง ขี้หนาว กินไม่เก่ง เฉื่อยชา (ทำให้ดูคล้ายเลี้ยงง่าย ไม่กวน)

ถ้าไม่ได้รับการรักษา เด็กจะมีรูปร่างเตี้ยแคระ พุงป่อง สมองทึบ ปัญญาอ่อน หูหนวก เป็นใบ้ เรียกว่า สภาพแคระโง่ (cretinism) หรือเด็กเครติน (cretin) ซึ่งทางภาคเหนือเรียกว่า โรคเอ๋อ*

*แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่
(1) ชนิดที่เกิดจากภาวะขาดไอโอดีน เนื่องจากมารดาเป็นโรคคอพอกประจำถิ่น เด็กเครตินที่เกิดจากสาเหตุนี้ เรียกว่า สภาพแคระโง่ประจำถิ่น (endemic cretinism)
(2) ชนิดที่เกิดจากต่อมไทรอยด์เจริญไม่ได้เต็มที่ ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ได้ตั้งแต่แรกเกิด เรียกว่า สภาพแคระโง่แต่กำเนิด (congenital cretinism)

ภาวะแทรกซ้อน

    ต่อมไทรอยด์โต (คอพอก) ซึ่งอาจโตมากจนทำให้กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก
    ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตามมาได้ นอกจากนี้ยังอาจทําให้เกิดภาวะหัวใจโต หัวใจวาย
    หญิงที่มีภาวะขาดไทรอยด์ อาจเป็นหมัน (เพราะไม่มีไข่ตก) ถ้าผู้ป่วยตั้งครรภ์ อาจเกิดภาวะซีด ครรภ์เป็นพิษ แท้งบุตร ตกเลือดหลังคลอด ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย ทารกมีความพิการหรือเป็นโรคเอ๋อ (ตัวเตี้ยแคระ ปัญญาอ่อน)
    มีอาการทางจิตประสาท เช่น ภาวะซึมเศร้า (ซึ่งจะรุนแรงขึ้นตามระยะเวลาการเป็นโรคขาดไทรอยด์) โรคจิต (เช่น ประสาทหลอน หลงตัวเอง) ความจำไม่ดี ปลายประสาทอักเสบ (ปวด ชาตามแขนขา)
    ในรายที่เป็นรุนแรง อาจเกิดภาวะหมดสติ เรียกว่า "Myxederna coma"

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในผู้ใหญ่ มักจะพบอาการหน้าและหนังตาบวมฉุ ๆ ผิวหนังหยาบ แห้ง และเย็น ทั้งนี้เนื่องจากมีการสะสมของสารมิวโคโพลีแซ็กคาไรด์อยู่ในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง

ผมบางและหยาบ ผมร่วง ขนคิ้วร่วง

ชีพจรเต้นช้า อาจต่ำกว่า 50 ครั้ง/นาที

อาจพบอาการลิ้นโตคับปาก ซีด มือเท้าเย็น

มักพบว่ารีเฟล็กซ์ของข้อมือระยะคลายหรือคืนตัว (หลังเกร็งตัว) ช้ากว่าปกติ (delayed relaxation of reflexes)

อาจตรวจพบอาการคอโต (คอพอก) หรือไม่ก็ได้

ในทารก อาจตรวจพบอาการตัวอ่อนปวกเปียกผิวหยาบแห้ง ลิ้นโตคับปาก ท้องป่อง สะดือจุ่น ซีด ดีซ่าน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด (พบว่ามีระดับของฮอร์ไมนไทร็อกซีนต่ำกว่าปกติ ระดับฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ หรือ TSH มักจะสูง* ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง เป็นต้น) อาจต้องตรวจพิเศษอื่น ๆ เช่น เอกซเรย์ (อาจพบว่ามีภาวะหัวใจโต เนื่องจากมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ)

*ถ้าเกิดจากความผิดปกติของต่อมใต้สมอง ระดับ TSH ในเลือดอาจต่ำหรือปกติ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา โดยให้ผู้ป่วยกินฮอร์โมนไทร็อกซีน วันละ 1-3 เม็ดทุกวัน ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นเพียงในเวลาไม่กี่วัน และร่างกายจะเป็นปกติภายในเวลาไม่กี่เดือน ผู้ป่วยจะต้องกินยานี้ไปตลอดชีวิต ถ้าหากขาดยา อาการก็จะกลับกำเริบได้ใหม่

สำหรับทารกแรกเกิด ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ก่อนอายุได้ 1 เดือน (ก่อนมีอาการชัดเจน) เด็กก็จะสามารถเจริญเติบโตได้เป็นปกติทั้งทางร่างกายและสมอง แต่เด็กจะต้องกินยาทุกวัน ห้ามหยุดยา

ผลการรักษา หากได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม จะสามารถช่วยให้หายเป็นปกติ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ ในรายที่มีภาวะขาดไทรอยด์ถาวรก็จำเป็นต้องกินยา (ฮอร์โมนไทร็อกซีน) ตลอดไป

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เฉื่อยชา ทำงานเชื่องช้า คิดช้า ขาดสมาธิ ความจำไม่ดี ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอาการท้องผูกเป็นประจำ รูปร่างอ้วนขึ้น ทั้ง ๆ ที่กินไม่มาก รู้สึกขี้หนาว หน้าและหนังตาบวมฉุ ๆ หรือ ในทารกแรกเกิด มีอาการซึม ไม่ร้องกวน หลับมาก ต้องคอยปลุกขึ้นให้นม มีอาการเสียงแหบ ท้องผูกบ่อย หรือมีอาการดีซ่านอยู่นานกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะขาดไทรอยด์ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    กินยาแล้วไม่ทุเลา หรือมีอาการใจสั่น ชีพจรเร็ว รู้สึกหิวบ่อย หรือนอนไม่หลับ
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

การป้องกันมิให้เกิดสภาพแคระโง่ สามารถกระทำได้โดยการตรวจระดับฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ (TSH) และฮอร์โมนไทร็อกซีนในเลือดของทารกแรกเกิด ถ้าพบว่ามีภาวะขาดไทรอยด์จะได้ให้การรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้เด็กเจริญเติบโตเป็นปกติได้

ดังนั้น จึงแนะนำให้มีการตรวจเลือดทารกแรกเกิดทุกคน (ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการขาดสารไอโอดีน ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูง

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่อยู่ ๆ รู้สึกเฉื่อยชา ทำอะไรเชื่องช้า คิดช้า มีอาการหน้าและหนังตาบวมฉุ ๆ หรือน้ำหนักขึ้นทั้ง ๆ ที่กินไม่มาก โดยที่ไม่มีอาการคอโตหรือคอพอก ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นภาวะขาดไทรอยด์ที่ไม่มีความผิดปกตินำมาก่อน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นไทรอยด์อักเสบแบบฮาชิโมโตโดยไม่รู้ตัวมาก่อน)

2. ผู้ที่เป็นต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน/คอพอกเป็นพิษที่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยการผ่าตัด หรือกินสารกัมมันตภาพรังสี ควรเฝ้าสังเกตอาการของภาวะขาดไทรอยด์ที่อาจจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา หากมีอาการที่น่าสงสัย ควรไปปรึกษาแพทย์

3. ผู้ที่มีภาวะขาดไทรอยด์บางรายอาจมีอาการหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ทั้งนี้อาจเกิดจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ป่วยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ต่อมไทรอยด์โต หรือกล้ามเนื้อบริเวณลำคอและทางเดินหายใจส่วนต้นอ่อนแรงเนื่องจากภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์

6
เทคนิคเปิดครัวในบ้านถ้าสร้างอาชีพ ยอดขายไหลเข้าไม่หยุด

การเปิดครัวในบ้านเพื่อสร้างอาชีพเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีใจรักในการทำอาหารและต้องการสร้างรายได้เสริมหรือรายได้หลัก ต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเปิดครัวในบ้านได้อย่างประสบความสำเร็จและมียอดขายไหลเข้าไม่หยุด:

1. วางแผนและเตรียมความพร้อม:

กำหนดประเภทอาหาร:
เลือกประเภทอาหารที่คุณถนัดและมีความเชี่ยวชาญ
ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ของคุณ
พิจารณาเมนูอาหารที่มีความแตกต่างและน่าสนใจ

คำนวณต้นทุน:
คำนวณต้นทุนวัตถุดิบ ค่าบรรจุภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างละเอียด
กำหนดราคาขายที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้

เตรียมอุปกรณ์:
ตรวจสอบและเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารให้พร้อมใช้งาน
เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับประเภทอาหารที่ทำ

ขอใบอนุญาต (ถ้ามี):
ตรวจสอบข้อกำหนดและขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารขายในบ้าน

2. สร้างความแตกต่างและคุณภาพ:

สูตรลับและเอกลักษณ์:
คิดค้นสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและสดใหม่
ใส่ใจในรายละเอียดและรสชาติของอาหาร

ความหลากหลาย:
นำเสนอเมนูอาหารที่หลากหลายและน่าสนใจ
เพิ่มเมนูพิเศษหรือเมนูตามฤดูกาล
รับฟังความคิดเห็นและปรับปรุงเมนูตามความต้องการของลูกค้า

บรรจุภัณฑ์:
เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย และสวยงาม
ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สะดวกต่อการรับประทานและขนส่ง

3. การตลาดและบริการ:

ช่องทางออนไลน์:
สร้างเพจหรือเว็บไซต์เพื่อโปรโมทร้านค้า
ใช้โซเชียลมีเดียในการโฆษณาและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
เข้าร่วมแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย

โปรโมชั่นและส่วนลด:
จัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่
มอบส่วนลดสำหรับลูกค้าประจำ
สร้างโปรแกรมสะสมแต้มหรือบัตรสมาชิก

บริการลูกค้า:
ใส่ใจในการบริการและตอบคำถามของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
รับฟังความคิดเห็นและแก้ไขปัญหาของลูกค้า
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำ

การตลาดปากต่อปาก:
สร้างความประทับใจให้ลูกค้าเพื่อเกิดการบอกต่อ

4. การจัดการและควบคุม:

การจัดการสต็อก:
จัดการสต็อกวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ
ลดการสูญเสียและควบคุมต้นทุน

การจัดส่ง:
วางแผนการจัดส่งให้มีประสิทธิภาพและตรงเวลา
เลือกใช้บริการจัดส่งที่น่าเชื่อถือ

การเงิน:
จัดการรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ
วิเคราะห์ผลกำไรและปรับปรุงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ความสะอาด:
รักษาความสะอาดของวัตถุดิบ อุปกรณ์ และสถานที่ทำอาหาร

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

สร้างเรื่องราวและเอกลักษณ์ของร้านค้า
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์
พัฒนาตัวเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

การเปิดครัวในบ้านให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความตั้งใจ ความอดทน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการสร้างอาชีพจากครัวที่บ้านของคุณ

7
ตรวจสุขภาพ: ไขมันพอกตับ (Fatty liver disease)

โรคนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. ไขมันพอกตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic fatty liver disease/AFLD) เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด*

2. ไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease/NAFLD) พบในผู้ที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมัน (ไตรกลีเซอไรด์/แอลดีแอลคอเลสเตอรอล) ในเลือดสูง กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายถุง ซึ่งมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) กลุ่มอาการเมแทบอลิก (metabolic syndrome)** ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

นอกจากนี้ ยังอาจพบในผู้ป่วยตับอักเสบจากไวรัสซี ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดไทรอยด์หรือภาวะต่อมใต้สมองทำงานน้อย ผู้ป่วยที่ผ่าตัดถุงน้ำดี หรือมีการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์, อะมิโอดาโรน (amiodarone), ทาโมซิเฟน (tamoxifen), เมโทเทรกเซต (methotrexate) เป็นต้น

ที่พบได้น้อยแต่รุนแรง คือ ภาวะตั้งครรภ์ ซึ่งมักเกิดในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ (แพทย์จำเป็นต้องให้การรักษาและช่วยให้คลอดบุตรให้เร็วที่สุด หลังคลอดภาวะไขมันพอกตับจะหายเป็นปกติ)

*ดื่มสัปดาห์ละ 15 ดื่มมาตรฐานหรือมากกว่า (สำหรับผู้ชาย) หรือ 8 ดื่มมาตรฐานหรือมากกว่า (สำหรับผู้หญิง)   

1 ดื่มมาตรฐาน มีแอลกอฮอล์หนัก 10 กรัม ดูความหมายของแอลกอฮอล์ปริมาณ 1 ดื่มมาตรฐานในโรคความดันโลหิตสูง

มีงานวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์ วันละ 40-80 กรัม และผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ วันละ 20-40 กรัม นานกว่า 10-12 ปี มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคตับที่รุนแรง

**หมายถึง ภาวะที่มีอาการอย่างน้อย 3 จาก 5 ประการดังต่อไปนี้ (1) ภาวะอ้วนลงพุง (ผู้ชายถ้ามีรอบเอวตั้งแต่ 90 เซนติเมตรขึ้นไป ผู้หญิงถ้ามีรอบเอวตั้งแต่ 80 เซนติเมตรขึ้นไป), (2) ความดันโลหิตสูงกว่าปกติ (มีค่าตั้งแต่ 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป), (3) น้ำตาลในเลือดสูง (มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารตั้งแต่ 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป), (4) ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (ตั้งแต่ 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป) และ (5) เอสดีแอลคอเลสเตอรอล (HDL) ในเลือดต่ำ (น้อยกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในผู้ชาย หรือน้อยกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในผู้หญิง)

8
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: โรคขาดวิตามินเอ/เกล็ดกระดี่ขึ้นตา (Vitamin A deficiency)

โรคขาดวิตามินเอ ยังพบได้ในท้องที่ชนบทบางแห่ง (พบบ่อยทางภาคอีสาน) และในเด็กที่ยากจน

ภาวะขาดวิตามินเอ ทำให้ประสาทตาส่วนที่เรียกว่าจอตา หรือเรตินา (retina) เสื่อม ทำให้เยื่อบุตาแห้งและต่อมน้ำตาไม่ทำงาน จึงอาจทำให้เด็กที่เป็นโรคนี้ตาบอดได้ ดังที่ชาวบ้านรู้จักกันดีว่าเป็น โรคเกล็ดกระดี่ขึ้นตา

สาเหตุ

มักจะพบในเด็กวัยแรกเกิดถึงอายุ 5 ปี เกิดจากการกินอาหารที่มีวิตามินเอน้อยไป เช่น กินแต่นมข้นหวาน กล้วยบดและข้าว โดยไม่ได้อาหารเสริมอื่น ๆ โรคนี้มักจะพบร่วมกันไปกับโรคขาดอาหาร บางรายอาจเป็นหลังจากเป็นโรคติดเชื้อ (เช่น หัด ปอดอักเสบ) หรือท้องเดินเรื้อรัง

ในผู้ใหญ่พบได้น้อย ถ้าพบมักมีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับเรื้อรัง โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น มีผลทำให้การดูดซึมวิตามินเอน้อยลง

อาการ

เริ่มแรกจะมีอาการตาฟางหรือมองไม่เห็นเฉพาะตอนกลางคืนหรือในที่มืด ๆ (แต่มองเห็นเป็นปกติในเวลากลางวัน และในที่สว่าง ๆ) เนื่องจากจอตาเริ่มเสื่อม ต่อมาเยื่อตาขาวแห้ง เมื่อเป็นมากขึ้นเยื่อตาขาวจะย่นอยู่รอบ ๆ กระจกตาดำดูคล้ายเกล็ดปลา และกระจกตาดำซึ่งปกติสะท้อนแสงวาววับ จะแห้งและไม่มีประกาย ตาขาวจะเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีเงิน เห็นเป็นจุดใหญ่ทางด้านหางตา เรียกว่า จุดบิทอตส์ (Bitot’s spot) หรือเกล็ดกระดี่ อาจเป็นที่ตาทั้ง 2 ข้าง ถ้ารักษาในระยะนี้จะแก้ได้ทัน

ในเด็กเล็กมักตรวจพบเมื่อมีการอ่อนตัวของกระจกตาดำแล้ว จะพบหนังตาบวม ปิดตาแน่น ไม่ยอมลืมตา

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าปล่อยทิ้งไว้กระจกตาจะเกิดการอ่อนตัว เป็นแผล และเกิดรูทะลุ มีเชื้อโรคเข้าไปในลูกตา ทำให้เกิดการอักเสบภายในลูกตา ตาบอดได้ นอกจากนี้ เด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอหากเป็นหัด อาจกลายเป็นโรคหัดชนิดรุนแรงได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

เยื่อตาขาวรอบ ๆ กระจกตาดำเป็นรอยย่น กระจกตาดำขุ่นมัวไม่สะท้อนแสงและเกล็ดกระดี่ตรงด้านหางตา

ถ้าจำเป็น แพทย์จะทำการตรวจระดับวิตามินเอในเลือด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. เมื่อเริ่มมีอาการตาบอดกลางคืน หรือเริ่มมีเกล็ดกระดี่ขึ้นตา แพทย์จะให้กินวิตามินเอชนิดแคปซูล หรือหากจำเป็นอาจใช้วิตามินเอชนิดฉีด

2. ถ้ามีการติดเชื้ออักเสบ แพทย์จะรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้กินวิตามินเอชนิดแคปซูล หรือฉีดวิตามินเอ ร่วมกับให้กินยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน ถ้าเด็กปิดตาแน่น อย่าพยายามเปิดตาเด็ก เพราะอาจทำให้กระจกตาดำแตกทะลุได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการตาฟางหรือมองไม่เห็นเฉพาะตอนกลางคืนหรือในที่มืด ๆ  ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคขาดวิตามินเอ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

โรคนี้เป็นแล้วทำให้ตาบอดได้ แต่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น เนื้อ ตับ ไข่ นม ฟักทอง มะเขือเทศ มะละกอสุก ผักใบเขียว (ผักบุ้ง ใบตำลึง ใบมันสำปะหลัง) พริกที่เผ็ด ๆ จึงควรแนะนำให้เด็ก ๆ กินอาหารเหล่านี้ให้มากเป็นประจำ

ถ้าไม่แน่ใจว่าเด็กจะได้รับอาหารที่มีวิตามินเอเพียงพอ อาจให้กินวิตามินเอเสริม

ข้อแนะนำ

เด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอ เมื่อเป็นหัด ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาให้วิตามินเอเสริม ซึ่งจะช่วยลดความพิการและการเสียชีวิตลงได้

9
ดอกบัวในโถแก้ว: การเลือกดอกบัวที่เหมาะสมกับการทำดอกบัวแห้ง

เพื่อให้ได้ดอกบัวอบแห้งที่สวยงามและคงรูปทรงได้ดี การเลือกดอกบัวสดที่เหมาะสมตั้งแต่แรกเริ่มเป็นสิ่งสำคัญมากครับ นี่คือหลักเกณฑ์และเคล็ดลับในการเลือกดอกบัวสำหรับการทำดอกบัวแห้ง:


1. เลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสม

บัวหลวง (Nelumbo nucifera): เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการทำดอกบัวแห้งในประเทศไทย เนื่องจากมีกลีบดอกที่หนา แข็งแรง และซ้อนกันหลายชั้น ทำให้คงรูปทรงได้ดีเมื่อแห้ง และสีสันมักจะคงทนกว่า

บัวฉัตร/บัวสัตตบุษย์ (Nymphaea nouchali และลูกผสม): เป็นอีกทางเลือกที่ดี ดอกมีกลีบซ้อนกันพอสมควร ขนาดกะทัดรัด ทำให้แห้งได้ดีและคงรูปทรงสวยงาม

หลีกเลี่ยงบัวสายทั่วไป: บัวสายชนิดอื่นๆ (เช่น บัวผัน บัวเผื่อน) มักมีกลีบบอบบางและละเอียดอ่อน เมื่อแห้งแล้วอาจจะหดตัวมาก สีซีดจางง่าย และรูปทรงไม่คงทนเท่าบัวหลวงหรือบัวฉัตร


2. เลือกระยะดอกที่เหมาะสมที่สุด

ดอกตูมแต่เริ่มแย้มเล็กน้อย (ตูมแย้ม): นี่คือระยะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำดอกบัวแห้ง

เหตุผล: กลีบดอกยังคงความสดและเต่งตึง ไม่ช้ำง่าย และยังคงรูปทรงของดอกที่กำลังจะบาน เมื่อแห้งแล้วจะได้ดอกบัวที่มีมิติและกลีบที่เรียงตัวสวยงาม

หลีกเลี่ยง:

ดอกตูมสนิท: อาจจะมีความชื้นสูงมากด้านใน ทำให้แห้งยากและอาจเกิดเชื้อราได้ง่าย หรือเมื่อแห้งแล้วอาจจะยังคงสภาพดอกตูมที่ปิดสนิท ไม่เห็นความงามของกลีบดอก

ดอกที่บานเต็มที่: กลีบดอกจะเริ่มอ่อนนุ่ม บอบบาง ช้ำง่าย และจะเหี่ยวเร็ว เมื่อนำไปอบแห้ง อาจได้ดอกที่บอบบางและกลีบไม่สวยงามเท่าที่ควร หรือสีซีดจางและกลีบร่วงง่าย


3. คุณภาพและความสมบูรณ์ของดอก

ความสดใหม่: เลือกดอกบัวที่เพิ่งตัดมาใหม่ๆ หรือซื้อมาในวันที่ต้องการทำทันที ยิ่งสด ดอกจะยิ่งอิ่มน้ำและคงสภาพได้ดีกว่า

ก้านแข็งแรง: เลือกดอกที่มีก้านอวบอิ่ม แข็งแรง และมีสีเขียวสด ไม่เป็นสีน้ำตาล หรืออ่อนปวกเปียก เพราะก้านที่แข็งแรงแสดงถึงการดูดน้ำที่ดี

ไม่มีตำหนิ: สำรวจดอกบัวอย่างละเอียด

กลีบดอก: ต้องไม่มีรอยช้ำ ดำ เหี่ยว รอยย่น รอยจุด หรือร่องรอยการกัดกินของแมลง

กลีบเลี้ยง/กาบดอก: ส่วนสีเขียวที่หุ้มดอกด้านนอกต้องสด ไม่ช้ำ ไม่ฉีกขาด


4. การเตรียมก่อนนำไปอบแห้ง (ย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญ)

ตัดก้านให้สั้น/เหมาะสม: ตามวิธีการอบแห้งที่เลือกใช้

เด็ดกลีบเลี้ยงและใบล่างออก: เพื่อความสะอาดและป้องกันการเน่าเสีย

ห้ามล้างน้ำ: โดยทั่วไปไม่ควรล้างดอกบัวด้วยน้ำก่อนอบแห้ง เพราะจะเพิ่มความชื้นและทำให้กระบวนการอบแห้งยากขึ้น

การเลือกดอกบัวที่มีคุณภาพและอยู่ในระยะที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณได้ดอกบัวอบแห้งที่สวยงาม คงสีสันและรูปทรงได้นานตามต้องการครับ

10
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
จัดฟันบางนา: เผย 4 เคล็ดลับ ป้องกันปัญหาสุขภาพเหงือก

เชื่อว่าหลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัญหาสุขภาพเหงือก เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ควรนิ่งเฉยปล่อยไว้หากว่ากำลังเป็นโรคเกี่ยวกับเหงือก เนื่องจากว่าโรคต่างๆเกี่ยวกับเหงือก มักจะส่งผลเสียที่รุนแรงและลุกลามได้รวดเร็วหากไม่ได้รับการรักษา โดยปกแล้วปัญหาสุขภาพเหงือกมักจะเกิดขึ้นจากการที่มีเชื้อแบคทีเรียในช่องปากมาสะสมจนกลายเป็นคราบ โดยคราบเชื้อโรคเหล่านี้มักจะเกาะบนเหงือกและฟัน ซึ่งหากว่าไม่รีบรักษาหรือดูแลให้ดี เหงือกและฟันของคุณอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงได้

แต่เหตุใดทำไมเราถึงต้องรอให้เป็นก่อน ซึ่งวันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านมารู้จักเคล็ดลับ วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพเหงือก ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้

เคล็ดลับป้องกันปัญหาสุขภาพเหงือก !

1.    ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของคุณ

อย่างที่ทราบกันดี โดยส่วนใหญ่สุขภาพเหงือกและฟันจะมีปัญหามักเกิดจากการที่เรานั้นละเลยการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปาก หากว่าสังเกตเห็นต้นเหตุของโรคเหงือก หรือว่าเป็นโรคเหงือกในระยะเริ่มต้น ทางที่ดีที่สุดคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลความสะอาดช่องปาก โดยพยายามแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารหรือของว่าง ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังจากที่แปรงฟันเสร็จ และควรบ้วนน้ำด้วยน้ำยาบ้วนปากสตรูแอนตี้แบคทีเรียหลังใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 ครั้ง ก็จะสามารถช่วยป้องกัน หรือกำจัดปัญหาสุขภาพเหงือกเบื้อต้นได้


2.    ทำความสะอาดช่องปากทุกซอกมุม

หากว่าทำตามข้อหนึ่งที่กล่าวมาได้แล้วอย่างเคร่งครัด หรือมั่นใจมากแล้วว่าดูแลสุขภาพช่องปากเป็นอย่างดี แต่เหตุใดปัญหาสุขภาพเหงือกถึงยังมีอยู่ เชื่อว่าหลายๆคนสงสัย อาจเนื่องมาจากว่าดูแลความสะอาดช้าเกินไป ทำให้คราบเศษอาหาร หรือเชื้อโรคต่างๆ สะสมเกาะแน่นจนกลายเป็นคราบหินปูนที่แข็งเกินกว่าจะทำความสะอาดเองได้นั่นเอง ซึ่งคราบหินปูนเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้เหงือกและฟันมีปัญหาได้ด้วยเช่นกัน ทางที่ดีหากว่าพบคราบหินปูน ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการกำจัดซะ เพียงเท่านี้ปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันที่ยากจะดูแลรักษาก็จะหายไปได้อย่างรวดเร็ว


3.    เสริมสร้างการรักษาด้วยยา

หากว่าทำตามที่ผ่านมาแล้ว คุณยังเจอกับปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเหงือกและฟันอยู่ อาจจะมีสัญญาณเลือดออกตามไรฟันในขณะแปรงฟัน หรือเหงือกมีอาการบวมแดง สิ่งที่ต้องทำนอกจากรักษาความสะอาดเหมือนเดิมคือ รีบเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อไม่ให้ปัญหากระจายตัวไปในส่วนอื่นๆ ซึ่งทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด และเลือกรักษาตามอาการที่กำลังเป็นอยู่ โดยจะมีตั้งแต่ เจลเฉพาะจุด ที่จะให้คุณนำไปทาในช่องว่างระหว่างเหงือกและฟันที่มีอาการหรือสัญญาณเตือน ไปจนถึงน้ำยาบ้วนปากที่ทางทันตแพทย์แนะนำเป็นพิเศษ


4.    ให้มืออาชีพจัดการ

ข้อนี้ถือว่าเป็นไม้สุดท้ายในการจัดการป้องกันเหงือกที่กำลังจะติดเชื้อ หรือว่าได้ติดเชื้อแล้ว โดยหากว่ามีสัญญาณเกี่ยวกับเหงือก หรือมีอาการปวดบวม อย่างนิ่งนอนใจเด็ดขาด คุณควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้ทำการวินิจฉัย และแก้ปัญหาทีละขั้นตอน ไปทีละจุด อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลจากทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด การเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างเคร่งครัดจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพราะบางปัญหาเราอาจจะรู้เมื่อสายไปเสียแล้ว

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นการจัดการกับโรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นกับเหงือกและฟันเบื้อต้น ซึ่งคุณสามารถอ่านแล้วลองนำไปใช้ได้ แต่สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการดูแลความสะอาดช่องปากอย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญอีกอย่างที่คนส่วนใหญ่มักละเลยนั่นก็คือ การเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เป็นอย่างน้อย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเลือกไปพบทันตแพทย์เมื่อเกิดโรครุนแรงจนทนไม่ได้ หากไปช้า บางทีอาจจะสายเกินการแก้ไข อาจจะทำให้คุณต้องสูญเสียฟันแท้ไปอย่างถาวร

แม้เพียงปัญหาเล็กๆน้อยๆ หากสังเกตเห็นควรพบทันตแพทย์โดยด่วน นอกจากจะเป็นการรักษาความปลอดภัยแล้ว หากว่าโรคร้ายต่างๆเป็นแค่ขั้นเริ่มต้นก็จะสามารถรักษาได้ง่ายและไม่สิ้นเปลืองนั่นเอง

13
ฉนวนกันความร้อนกับการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรม

ฉนวนกันความร้อนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการประหยัดพลังงานในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับความร้อนสูง ความเย็นจัด หรือการควบคุมอุณหภูมิ เพราะเป็นการลดการสูญเสียพลังงานโดยตรงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในการดำเนินงาน

หลักการทำงานของฉนวนกันความร้อนในการประหยัดพลังงาน

ฉนวนกันความร้อนคือวัสดุที่มีคุณสมบัติในการต้านทานการถ่ายเทความร้อนได้ดี ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้ความร้อนไหลผ่านจากบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ (และในทางกลับกัน) การใช้งานฉนวนกันความร้อนในอุตสาหกรรมจึงช่วย:

ลดการสูญเสียความร้อน (Heat Loss Reduction):

ในกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความร้อนสูง เช่น หม้อไอน้ำ (Boilers), ท่อไอน้ำ, เตาเผา, ถังเก็บสารเคมีร้อน, ระบบอบแห้ง หากไม่มีฉนวนหรือมีฉนวนที่ไม่ดีพอ ความร้อนจะรั่วไหลออกสู่สภาพแวดล้อม ทำให้ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงหรือไฟฟ้ามากขึ้นในการรักษาระดับอุณหภูมิที่ต้องการ

การใช้ฉนวนช่วยกักเก็บความร้อนไว้ภายในระบบ ทำให้ลดการใช้พลังงานในการผลิตความร้อนลงได้อย่างมาก

ลดการรับความร้อน (Heat Gain Reduction):

ในกระบวนการที่ต้องใช้ความเย็นจัด เช่น ห้องเย็น, ท่อส่งสารทำความเย็น, ถังเก็บก๊าซเหลว หากไม่มีฉนวนหรือมีฉนวนที่ไม่ดีพอ ความร้อนจากภายนอกจะไหลเข้าสู่ระบบความเย็น ทำให้เครื่องทำความเย็นต้องทำงานหนักขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น

การใช้ฉนวนช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ระบบความเย็น ทำให้ลดภาระการทำงานของเครื่องทำความเย็นลง

ควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการผลิตให้คงที่:

การรักษาอุณหภูมิของของไหลหรือสารเคมีในท่อหรือถังเก็บให้คงที่ตามที่กำหนด เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การมีฉนวนที่ดีจะช่วยลดความผันผวนของอุณหภูมิ ทำให้กระบวนการผลิตมีเสถียรภาพมากขึ้น ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม

ลดภาระเครื่องปรับอากาศและระบบระบายความร้อนในอาคาร:

การติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนหลังคา ผนัง และท่อลมในโรงงาน ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร ทำให้ระบบปรับอากาศหรือระบบระบายความร้อนทำงานน้อยลง ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล

ประโยชน์ของการใช้ฉนวนกันความร้อนในอุตสาหกรรม

ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน: เป็นประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด การลงทุนในฉนวนกันความร้อนมักมีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ที่สั้นมาก โดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี และในบางกรณีที่ระบบไม่มีฉนวนเลย อาจคืนทุนได้ภายใน 3-6 เดือน

เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ช่วยรักษาอุณหภูมิกระบวนการให้คงที่ ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความผันผวนและของเสีย

ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์: การที่อุปกรณ์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไปเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิ ช่วยลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและระบบท่อ

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2 Emission): การประหยัดพลังงานโดยตรงหมายถึงการลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง ซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและเป้าหมายการลดคาร์บอน

เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน: ลดอุณหภูมิพื้นผิวของอุปกรณ์หรือท่อที่มีความร้อนสูง ป้องกันไม่ให้พนักงานสัมผัสโดนโดยตรง ลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุจากความร้อนลวก

ลดเสียงรบกวน: ฉนวนบางชนิดมีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง ช่วยลดมลภาวะทางเสียงในโรงงานได้

ป้องกันการควบแน่น (Condensation): สำหรับท่อหรือถังที่บรรจุของเหลวเย็นจัด ฉนวนจะช่วยป้องกันการควบแน่นของไอน้ำในอากาศบนพื้นผิวเย็น ทำให้ไม่เกิดหยดน้ำที่อาจสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์

ประเภทของฉนวนกันความร้อนที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรม

ฉนวนกันความร้อนในอุตสาหกรรมมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับช่วงอุณหภูมิการใช้งาน คุณสมบัติทางเคมี และลักษณะการติดตั้ง:

ฉนวนใยหิน (Rock Wool / Mineral Wool): ทนอุณหภูมิได้สูงถึง 650-700 องศาเซลเซียส มีคุณสมบัติไม่ติดไฟ ดูดซับเสียงได้ดี นิยมใช้สำหรับงานท่อร้อน หม้อไอน้ำ เตาเผา

ฉนวนใยแก้ว (Fiberglass / Glass Wool): ทนอุณหภูมิได้ประมาณ 250-540 องศาเซลเซียส น้ำหนักเบา ราคาประหยัด นิยมใช้สำหรับงานท่อน้ำร้อน ท่อน้ำเย็น ระบบปรับอากาศ

ฉนวนเซรามิกไฟเบอร์ (Ceramic Fiber): ทนอุณหภูมิได้สูงมากถึง 1,260 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า เหมาะสำหรับงานเตาหลอม อุตสาหกรรมที่ใช้ความร้อนสูงมากเป็นพิเศษ

ฉนวนแคลเซียมซิลิเกต (Calcium Silicate): ทนอุณหภูมิสูงได้ถึง 650-1000 องศาเซลเซียส มีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกดได้ดี นิยมใช้ในโรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

ฉนวนโฟมต่างๆ (เช่น PIR Foam, EPS Foam): เหมาะสำหรับงานห้องเย็น คลังสินค้า หรือระบบที่ต้องการรักษาความเย็น เนื่องจากมีค่าการนำความร้อนต่ำมาก

ยางสังเคราะห์ (Elastomeric Foam / Closed-Cell Foam): เช่น NBR (ยางดำ) นิยมใช้หุ้มท่อน้ำเย็น ท่อสารทำความเย็น เพื่อป้องกันการควบแน่นและลดการสูญเสียความเย็น

การลงทุนในฉนวนกันความร้อนอุตสาหกรรม
การลงทุนในฉนวนกันความร้อนในอุตสาหกรรมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากผลตอบแทนจากการประหยัดพลังงานมักจะสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว และส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้กับองค์กรอีกด้วย การบำรุงรักษาฉนวนเดิมให้อยู่ในสภาพดีและอัปเกรดฉนวนที่ไม่เพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะบางการศึกษาพบว่าอย่างน้อย 10% ของพื้นผิวในโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่มีฉนวนหรือฉนวนเสื่อมสภาพ ซึ่งหากปรับปรุงแล้วจะสามารถลดการสูญเสียพลังงานได้มากถึง 75%

14
ซ่อมบำรุงอาคาร: การเลือกซื้อกล้องวงจรปิด จะต้องดูถึงเรื่องของปัจจัยใดบ้าง

ในปัจจุบัน ตามสถานที่ต่างๆหรือแม้กระทั่งตามบ้านเรือน นิยมติดกล้องวงจรปิด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น หรือเพื่อซื้อความสบายใจให้กับเราเมื่อเราไม่อยู่บ้านเป็นเวลานานๆ ซึ่งตัวกล้องวงจรปิด จะสามารถทำให้เราตรวจดูบ้านช่องของเราได้ ทุกที่ทุกเวลา การติดตั้งกล้องวงจรปิด ถือว่าเป็นงานด้านรักษาความปลอดภัยและดูแลทรัพย์สินเป็นอุปกรณ์ที่เรียกได้ว่ามีความจำเป็นอย่างมากกล้องวงจรปิดตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาเป็นอย่างมากในเรื่องของเทคโนโลยี

มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเรื่องของ ความรวดเร็ว ความคมชัด ระยะการมองเห็น พร้อมทั้งสามารถทำการเรียกดูผ่านระบบมือถือ โดยเชื่อมต่อข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งการเลือกซื้อกล้องวงจรปิดนั้น เราจะต้องเลือกตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการนำมาใช้งาน เช่น ดูแลความปลอดภัยในตัวบ้าน โดยอาจจะใช้แบบกล้อง IP ที่สามารถใช้ตรวจสอบความเรียบร้อยได้ทันทีแม้ไม่อยู่บ้าน หรือไว้ใช้เป็นหลักฐานเมื่อยามเกิดเหตุการณ์ต่างๆ

โดยสามารถเลือกได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องคำนึงถึงความละเอียดของกล้องด้วย แล้วนอกจากนี้ เราจะต้องดูถึงเรื่องอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อกล้องวงจรปิด ว่าเราจะต้องดุถึงเรื่องของปัจจัยใดบ้าง เพื่อเป้นแนวทางให้กับคนที่ต้องการติดกล้องวงจรปิดได้เลือกซื้อเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อวัตถุประสงค์ของการใช้งานให้ได้มากที่สุด

 การติดกล้องวงจรปิด เข้ามามีบทบาทช่วยในการดูแลรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น ทั้งในอาคารและบ้านของเรา ไม่ว่าจะเกิดคดีความหรือเหตุการณ์อะไรขึ้นมา กล้องวงจรปิดถือเป็นหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะช่วยยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างไร และมีใครที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นบ้าง
ดังนั้น การเลือกกล้องวงจรปิดที่ดี และเหมาะสมกับการใช้งานย่อมนำมาซึ่งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น ซึ่งการเลือกซื้อ เราจะต้องคำนึงถึงจุดประสงค์การใช้งาน โดยดูว่าต้องการติดตั้งเพื่ออะไร เช่น เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของบ้าน เพื่อตรวจสอบสมาชิกหรือสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน หรือเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เราได้เลือกความละเอียดของกล้องและเลนส์ที่เหมาะสม

ไม่ต้องจ่ายเงินเกินความจำเป็น นอกจากนี้ จะต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่จะติดตั้ง เพื่อเลือกประเภทของกล้องที่มีความเหมาะสมและทนทานเหมาะกับสถานที่ พร้อมทั้งดูขนาดห้อง แสง ความสว่าง เป็นต้น เพื่อให้ป้องกันการเกิดกล้องชำรุดเสียหาย ซึ่งอาจจะทำให้เราไม่สามารถเก็บหลักฐาน หรือไม่สามารถดูแลบ้านขอเราจากที่อื่นได้ และที่สำคัญคือ ระยะของเลนส์ที่เหมาะสม เลนส์ของกล้องวงจรปิด มีตั้งแต่เลนส์ขนาด 2.8-12 มิลลิเมตร

โดยเลนส์ขนาดเล็ก จะแสดงภาพในระยะที่กว้างมากกว่า แต่มีระยะส่องถึงที่น้อยกว่า ส่วนเลนส์ที่มีขนาดกว้างจะแสดงภาพในความกว้างที่แคบกว่าแต่สามารถส่องได้ในระยะที่ไกลกว่า ดังนั้น เราจะต้องเลือกระยะของเลนส์ให้เหมาะสม เพื่อที่จะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึงโโยไม่ต้องติดกล้องวงจรปิดเพิ่มให้สิ้นเปลือง และสุดท้ายต้องคำนึงถึงเรื่องของงบประมาณที่เหมาะสม หากมีงบประมาณไม่มากนัก

ควรเลือกกล้องระบบ wifi ที่มีความจำในตัว แต่หากมีงบประมาณมากพอสมควร สามารถเลือกกล้องแบบ IP ที่รองรับการใช้งานจำนวนมาก และเชื่อมต่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ เพื่อให้สามารถดูภาพจากมือถือได้อย่างไม่สะดุด อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเราต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิดไร้สาย ควรคำนึงถึงการติดตั้งหน้างาน ที่ต้องการติดตั้งเพราะกล้องไร้สายจะเหมาะกับหน้างานที่อยู่บริเวณภายในมากกว่าบริเวณภายนอก กล้อง wifi ที่ติดตั้งนั้นต้องเชื่อมต่อกับตัวปล่อยสัญญาณ wifi ซึ่งปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต เพื่อเชื่อมกับตัวกล้องได้อย่างไม่สะดุด และจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมา

หากต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็นในอาคารขนาดใหญ่หรือตามบ้านเรือน หรืออยากใช้บริการการซ่อมบำรุงรักษาอาคาร สามารถติดต่อทางเราได้ เพราะเป้นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบต่างๆภายในอาคาร สามารถให้บริการได้อย่างมืออาชีพ มีการอบรมพนักงานเพื่อให้ความรู้ ให้สามารถรับมือกับปัญหาของลูกค้าและสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด

เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลกค้าตามเป้าหมายของเรา เพราะอยากให้ทุกคนได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ภายใตความปลอดภัยของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าาของเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลพ์สไตล์ของคนในยุคสมัยนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

15
Doctor At Home: โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (โรคปวดข้อรูมาตอยด์ ก็เรียก) เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง พบได้ประมาณร้อยละ 1-3 ของคนทั่วไป พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 4-5 เท่า และพบมากในช่วงอายุ 20-50 ปี แต่ก็พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย

สาเหตุ

โรคนี้พบว่ามีการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุข้อเกือบทุกแห่งทั่วร่างกายพร้อม ๆ กัน ร่วมกับมีการอักเสบของพังผืดหุ้มข้อ เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อ เชื่อว่าเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการตอบสนองอย่างผิดปกติต่อเชื้อโรค หรือสารเคมีบางอย่าง (ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน) ทำให้มีการสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ที่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อในบริเวณข้อของตัวเอง เรียกว่า ปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune)

พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้มากขึ้น เช่น การมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ การสูบบุหรี่ ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน

อาการ

ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป เริ่มด้วยอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูกนำมาก่อนนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แล้วต่อมาจึงมีอาการอักเสบของข้อปรากฏให้เห็น

ส่วนน้อยอาจมีอาการของข้ออักเสบเกิดขึ้นฉับพลันภายหลังได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคติดเชื้อ หลังผ่าตัด หลังคลอด หรืออารมณ์เครียด ซึ่งบางรายอาจมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโตร่วมด้วย

ข้อที่เริ่มมีอาการอักเสบก่อน ได้แก่ ข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อเท้า ข้อเข่า ต่อมาจะเป็นที่ข้อไหล่ ข้อศอก

ผู้ป่วยจะมีลักษณะจำเพาะ คือมีอาการปวดข้อพร้อมกันและคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้าง และข้อจะบวมแดงร้อน นิ้วมือนิ้วเท้าจะบวมเหมือนรูปกระสวย ต่อมาอาการอักเสบจะลุกลามไปทุกข้อทั่วร่างกาย ตั้งแต่ข้อขากรรไกรลงมาที่ต้นคอ ไหปลาร้า ข้อไหล ข้อศอก ข้อมือ ข้อนิ้วมือลงมาจนถึงข้อเท้าและข้อนิ้วเท้า

บางรายอาจมีอาการอักเสบของข้อเพียง 1 ข้อ หรือไม่กี่ข้อ และอาจเป็นเพียงข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย (ไม่เกิดพร้อมกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย) ก็ได้

อาการปวดข้อและข้อแข็ง (ขยับลำบาก) มักจะเป็นมากในช่วงตื่นนอนหรือตอนเช้า ทำให้รู้สึกขี้เกียจหรือไม่อยากตื่นนอน พอสาย ๆ หรือหลังมีการเคลื่อนไหวของร่างกายจะทุเลา

บางรายอาจมีการปวดข้อตอนกลางคืน จนนอนไม่หลับ

อาการปวดข้อจะเป็นอยู่ทุกวัน และมากขึ้นทุกขณะนานเป็นแรมเดือนแรมปี โดยมีบางระยะอาจทุเลาไปได้เอง แต่จะกลับกำเริบรุนแรงขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะมีความเครียดหรือขณะตั้งครรภ์

ถ้าข้ออักเสบเรื้อรังอยู่หลายปี ข้ออาจจะแข็งและพิการได้

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายยังอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ภาวะโลหิตจาง ฝ่ามือแดง มีผื่นหรือตุ่มขึ้นตามผิวหนัง อาการปวดชาปลายมือจากภาวะเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น อาการนิ้วมือนิ้วเท้าซีดขาวและเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเวลาถูกความเย็น (Raynaud’s phenomenon) ต่อมน้ำเหลืองโต ม้ามโต ตาอักเสบ หูอื้อ หูตึง หัวใจอักเสบ หลอดเลือดแดงอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด ไข้ต่ำ ๆ น้ำหนักลด เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าเป็นรุนแรงและเรื้อรังอาจทำให้ข้อพิการผิดรูปผิดร่าง ใช้การไม่ได้ บางรายอาจมีการผุกร่อนของกระดูก ในบ้านเราพบว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว

นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคนี้ยังอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น (โรคคาร์พัลทูนเนล) โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคปอดเรื้อรัง (จากการอักเสบและกลายเป็นพังผืดของเนื้อเยื่อปอด)

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบอาการชัดเจน ในระยะที่เป็นมากอาจพบข้อนิ้วมือนิ้วเท้าบวมเหมือนรูปกระสวย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจเลือดจะพบค่าอีเอสอาร์ (ESR)* และ c-reactive protein สูง และมักจะพบรูมาตอยด์แฟกเตอร์ (rheumatoid factor) และสารภูมิต้านทานที่มีชื่อว่า "Anti-cyclic citrullinated peptide (anti-CCP) antibodies"

การตรวจเอกซเรย์ข้อจะพบมีการสึกกร่อนของกระดูก และความผิดปกติของข้อ

นอกจากนี้ แพทย์อาจทำการตรวจอัลตราซาวนด์และถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค

*อีเอสอาร์ (ESR) ย่อจาก erythrocyte sedimentation rate หมายถึง อัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง ค่าปกติต่ำกว่า 20 มม. ใน 1 ชั่วโมง

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

เริ่มแรกจะให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก นาโพรเซน)

ยานี้ต้องกินติดต่อกันทุกวัน นานเป็นเดือน ๆ หรือปี ๆ จนกว่าอาการจะทุเลา

ขณะเดียวกันก็จะให้การรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมไปด้วย เช่น การใช้น้ำร้อนประคบ การแช่หรืออาบน้ำอุ่น ซึ่งมักจะแนะนำให้ทำในตอนเช้านาน 15 นาที

ผู้ป่วยควรพยายามขยับข้อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ท่าละ 10 ครั้ง ทำซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการเจ็บปวดลงได้

แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยทำการฝึกกายบริหารในท่าต่าง ๆ ซึ่งควรทำเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ข้อทุเลาความฝืดและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ผู้ป่วยควรหาเวลาพักผ่อน สลับกับการทำงาน หรือการออกกำลังกายเป็นพัก ๆ

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน และอาจต้องเข้าเฝือกเพื่อให้ข้อที่ปวดได้พักอย่างเต็มที่

ถ้าให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ไม่ได้ผล อาจต้องให้สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบ แต่จะให้กินเป็นระยะสั้น

นอกจากนี้ แพทย์จะพิจารณาให้ยากลุ่ม Disease-modifying antirheumatic drugs (DMARDs) ที่ช่วยชะลอความรุนแรงของโรค และป้องกันภาวะข้อถูกทำลาย เช่น ไฮดรอกซีคลอโรควีน (hydroxychloroquine), เมโทเทรกเซต (methotrexate), ซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine), ไซโคลสปอริน (cyclosporin), เลฟลูโนไมด์ (leflunomide) เป็นต้น ซึ่งมักจะได้ผลค่อนข้างดี และช่วยให้โรคมีระยะสงบ ไม่มีอาการ (remission) ไปได้

หากไม่ได้ผล แพทย์อาจให้ยาต้านการอักเสบกลุ่มใหม่ ๆ (เช่น etanercept, infliximab, rituximab, baricitinib, tofacitinib) ซึ่งมักให้ร่วมกับเมโทเทรกเซต (methotrexate)

ในรายที่รักษาด้วยยาไม่ได้ผล และข้อถูกทำลายผิดรูปผิดร่าง ใช้การไม่ได้ แพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดแก้ไข รวมทั้งการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม (joint replacement) เพื่อให้กลับมาใช้การได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดข้อและข้อแข็ง (ขยับลำบาก กำมือลำบาก) ซึ่งมักจะเป็นมากในช่วงตื่นนอนหรือตอนเช้า หรือมีอาการปวดข้อนิ้วมือทุกข้อพร้อมกันและคล้ายคลึงกันทั้ง 2 ข้าง  ข้อนิ้วมือบวมเหมือนรูปกระสวย หรือมีอาการอักเสบของข้อเพียง 1 ข้อ หรือไม่กี่ข้อ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หมั่นบริหารข้อตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ขยับข้อต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ท่าละ 10 ครั้ง ทำซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง, ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ, แช่หรืออาบน้ำอุ่น
    ลดน้ำหนักถ้ามีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    ออกกำลังกายที่ไม่รุนแรง เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ รำมวยจีน เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีระยะสงบ (ไม่มีอาการ) และอาการข้ออักเสบกำเริบสลับกันไป ส่วนน้อยที่อาจหายขาด และส่วนน้อยที่จะเป็นรุนแรงเกิดข้อพิการในเวลารวดเร็ว ผู้ป่วยควรติดตามการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง การใช้ยา การรักษาทางกายภาพบำบัด การกำหนดเวลาพักผ่อน ทำงาน และออกกำลังกายให้พอเหมาะ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำงานได้เป็นปกติส่วนใหญ่

2. หัวใจของการรักษาโรคอยู่ที่การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเป็นสำคัญ กล่าวคือ จะต้องพยายามเคลื่อนไหวข้อและฝึกกายบริหารเป็นประจำทุกวัน อย่าอยู่นิ่ง ๆ เพราะยิ่งอยู่นิ่งข้อยิ่งฝืดแข็ง และขยับยากยิ่งขึ้น

3. ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยาชุดกินเอง เพราะถึงแม้จะช่วยให้อาการทุเลาได้ แต่ก็อาจเกิดโทษจากยาสเตียรอยด์ หรือยาอันตรายอื่น ๆ ที่ผสมอยู่ในยาชุด

4. เนื่องจากยาที่ใช้รักษาโรคนี้ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงในลักษณะต่าง ๆ กัน ผู้ป่วยควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยาและผลข้างเคียงของยาที่ใช้ หากมีอาการที่สงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียง (เช่น ปวดแสบ ปวดจุกแน่นท้อง ถ่ายอุจจาระดำ เป็นไข้ หรือเป็นโรคติดเชื้อบ่อย) เป็นต้น ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

5. ชาวบ้านอาจมีความสับสนในคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้เรียกเกี่ยวกับอาการปวดข้อ เช่น คำว่า รูมาติสซั่ม (rheumatism) ซึ่งหมายถึงภาวะต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บปวด ปวดเมื่อย หรือปวดล้าของข้อ เส้นเอ็นหรือกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงเป็นคำที่ใช้เรียกอาการปวดข้อ ปวดเส้นเอ็นและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยรวม ๆ ซึ่งสามารถแบ่งแยกสาเหตุได้มากมาย (ตรวจอาการปวดข้อ) ดังนั้น รูมาติสซั่ม (โรคปวดข้อ) จึงอาจมีสาเหตุจากข้อเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไข้รูมาติก โรคเกาต์ และอื่น ๆ ไม่ได้หมายถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์โดยเฉพาะ

หน้า: [1] 2 3 ... 24