แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 16
1
วัดนาหนาดสถาปัตยกรรมแนะนำใส่ชุดแม่ชี เข้าร่วมสงบจิตใจปัญญาใช้ชีวิตประจำวันฝึกสติ

วัดนาหนาดเป็นวัดที่มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว วัดนี้มีการสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยมีการใช้สถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณีในการก่อสร้าง วัดนี้มีการตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงามและมีการใช้สีสันที่สดใสเหมาะใส่ชุดขาว ชุดขาวชาย ชุดขาวหญิง ชุดขาวปฏิบัติธรรม มาเที่ยววัดนาหนาดเป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นวัดที่เคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5

ในการเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมชมจังหวัดนครพนม วัดนาหนาดขึ้นชื่อในเรื่องบรรยากาศอันเงียบสงบและความงามตามธรรมชาติที่รายล้อมอยู่โดยรอบ วัดตั้งอยู่ในพื้นที่เงียบสงบของจังหวัดนครพนม ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำโขง ความเงียบสงบของที่นี่เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความเครียดในชีวิตประจำวันและเชื่อมต่อกับตัวตนภายในผ่านการปฏิบัติธรรม

ปฏิบัติธรรม ณ วัดนาหนาด
วัดแห่งนี้มีโปรแกรมการทำสมาธิหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามระดับประสบการณ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูง พระสงฆ์ที่วัดนาหนาทมีความรู้เกี่ยวกับคำสอนของพุทธศาสนาเป็นอย่างดี และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการฝึกสติ ความเมตตา และปัญญาในชีวิตประจำวัน

เซสชั่นการทำสมาธิเน้นที่การทำสมาธิทั้งแบบสมถะ (การมีสมาธิ) และแบบวิปัสสนา (การรู้แจ้ง) ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสงบจิตใจและมองเห็นธรรมชาติของความเป็นจริง ผู้เข้าร่วมจะได้รับการสนับสนุนให้สังเกตความเงียบสงบอันสูงส่ง ซึ่งช่วยให้สามารถสำรวจตนเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและมีประสบการณ์การทำสมาธิที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สิ่งที่คาดหวังได้ระหว่างการเข้าพักของคุณ
วัดนาหนาดดำเนินกิจกรรมตามแบบแผนของพุทธศาสนาแบบไทยดั้งเดิม ได้แก่ การตักบาตรตอนเช้า การสวดมนต์ การนั่งสมาธิและการฟังธรรม ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้หรือใช้สถานที่นี้เพื่อทำสมาธิส่วนตัวก็ได้

ที่พักในวัดนั้นเรียบง่ายแต่สะดวกสบาย มีทุกสิ่งที่คุณต้องการสำหรับการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและใส่ใจ ผู้เยี่ยมชมควรแต่งกายสุภาพตามธรรมเนียมของชาวพุทธ และเข้าร่วมกิจกรรมประจำวันของวัดด้วยความเคารพและถ่อมตัว

เที่ยวนครพนม
หลังจากปฏิบัติธรรมแล้ว ให้ใช้เวลาสำรวจบริเวณโดยรอบ นครพนมมีชื่อเสียงในด้านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดที่สวยงาม และแม่น้ำโขงที่งดงาม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใกล้เคียง ได้แก่วัดพระธาตุพนมซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทางเดินริมแม่น้ำอันมีเสน่ห์ ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของประเทศลาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ

วัดนาหนาดไม่ได้เป็นเพียงวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่ต้องการกลับมาเชื่อมโยงกับตนเองผ่านการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในการทำสมาธิหรือเป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่มีประสบการณ์ สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและการต้อนรับที่อบอุ่นของวัดเป็นสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณ การไปเยี่ยมชมวัดนาหนาดไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนทางจิตใจเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสัมผัสกับวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์และความงามทางธรรมชาติของจังหวัดนครพนมอีกด้วย


2
money expo 2025: บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ แบบมีประกัน บัญชีไหนให้ความคุ้มครองสูงที่สุด

สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่หากมองในแง่ของการลงทุน ถือเป็นช่องทางการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ แต่อาจจะได้ผลตอบแทนน้อย

หากมองเป็นเรื่องการหาที่พักเงินที่มีความคล่องตัว แถมยังมีสิทธิประโยชน์ส่วนเพิ่มที่จะได้รับจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบมีประกัน หลายคนก็อาจจะมองว่าคุ้มค่า วันนี้…เรารวมมาให้แล้ว กับ 9 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ แบบมีประกัน มาดูกันว่าธนาคารไหนให้ความคุ้มครองเยอะที่สุด….
 
9 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบมีประกัน เจ้าไหนคุ้มสุด เช็กเลย!!

1. บัญชีเงินฝาก Krungthai Care Savings จากธนาคารกรุงไทย พลิกเงินออมให้มาพร้อมความคุ้มครอง เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบมีประกันอุบัติเหตุ คุ้มครอง 24 ชั่วโมง ทั่วโลก วงเงินสูงสุด 25 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือ 1 วัน ก่อนประสบอุบัติเหตุ สูงสุด 2.5 ล้านบาท* โดยไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุเพิ่ม

วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 1,000 บาท

อัตราดอกเบี้ย : 0.20% ต่อปี
 
*รับเพิ่ม ความคุ้มครองอุบัติเหตุ และค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ เมื่อสมัครบัตรเดบิตประเภทมีความคุ้มครอง

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เปิดรับฝากเฉพาะบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุ 15 - 69 ปีบริบูรณ์ (คุ้มครองถึงอายุ 70 ปีบริบูรณ์)
ต้องเปิดบัญชีใหม่ โดยลูกค้า 1 ท่านสามารถเปิดได้ 1 บัญชี และชื่อบัญชีต้องเป็นบุคคลคนเดียว
คุ้มครองการเสียชีวิตและทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ อบ.2 (ไม่คุ้มครอง อุบัติเหตุจากการขับขี่ / โดยสารรถจักรยานยนต์) และไม่คุ้มครองอาชีพ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ขณะปฎิบัติหน้าที่

ความคุ้มครองเป็นจำนวน 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือในบัญชี 1 วัน ก่อนประสบอุบัติเหตุ สูงสุดไม่เกิน 2.5 ล้านบาท
จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 1,000 - 100,000 บาท
สามารถกำหนดผู้รับผลประโยชน์ได้ ขั้นต่ำ 1 คน สูงสุด 4 คน โดยอัตราส่วนผลประโยชน์ที่ได้รับเมื่อรวมแล้วต้องเท่ากับ 100%

กรณีลูกค้าอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ความคุ้มครองอุบัติเหตุจะสิ้นสุดเมื่อเวลา 24.00 น. ของวันครบรอบวันเกิด และระบบงานจะเปลี่ยนประเภทเงินฝากจากเงินฝากออมทรัพย์แบบมีประกันอุบัติเหตุ (Krungthai Care Savings) เป็นเงินฝากออมทรัพย์ปกติในวันถัดจากวันครบรอบวันเกิด โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการฝากตามผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ปกติ
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

2. บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ขวัญบัวหลวง จากธนาคารกรุงเทพ เป็นบัญชีเงินฝากที่มาพร้อมความคุ้มครองให้คุณอุ่นใจ กับแผนความคุ้มครองจากบริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ด้วยการคุ้มครองที่เพิ่มค่าจากเงินฝากได้ถึง 10 เท่า คุ้มครองทุกกรณี และวงเงินเอาประกันสูงสุดถึง 2 ล้านบาท แต่จ่ายเบี้ยประกันต่ำ สำหรับผู้มีอายุตั้งแต่ 5 ถึง 60 ปี

สิทธิประโยชน์ในการประกันชีวิตสำหรับเจ้าของบัญชี
เสียชีวิตทุกกรณี รับความคุ้มครอง 1 เท่าของยอดเงินฝากเฉลี่ย* และสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รับความคุ้มครองเพิ่มอีก 5 เท่าของยอดเงินฝากเฉลี่ย* สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท

ทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร เนื่องจากอุบัติเหตุ รับความคุ้มครอง 10 เท่าของยอดเงินฝากเฉลี่ย* สูงสุด 2,000,000 บาท โดยรับเงิน 1 เท่า ทุกปีเป็นระยะเวลา 10 ปี
*ยอดเงินฝากเฉลี่ย หมายถึง ยอดเงินฝากคงเหลือในบัญชีเฉลี่ย 30 วัน ก่อนเสียชีวิตหรือเกิดอุบัติเหตุ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท และไม่เกิน 200,000 บาท
วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 5,000 - 200,000 บาท (เพื่อรับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองด้านประกันชีวิต)

อัตราดอกเบี้ย :
วงเงินฝากน้อยกว่า 10 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.45% ต่อปี
วงเงินฝากตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 0.55% ต่อปี

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เจ้าของบัญชีต้องมีอายุระหว่าง 5 - 60 ปี
กรณียอดเงินฝากถัวเฉลียต่ำกว่า 5,000 บาท หรือบัญชีถูกปิดลงไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ลูกค้าจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์
ค่าเบี้ยประกัน ร้อยละ 1.00 ต่อปี แต่ปัจจุบันคิดค่าเบี้ยประกันร้อยละ 0.50 ต่อปี ของจํานวนเงินฝากโดยหักจากบัญชีเงินฝาก เมื่อมีการนําดอกเบี้ยเข้าบัญชี ณ วันสิ้นงวดบัญชี (ทุกปลายเดือนมิถุนายน และธันวาคม ของทุกปี) หรือในวันที่ปิดบัญชี แล้วแต่กรณี

การเปิดบัญชีสามารถเปิดได้มากกว่า 1 บัญชีขึ้นไป แต่จะได้รับความคุ้มครองทุกบัญชีรวมกันเมื่อยอดเงินฝากไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท และไม่เกิน 200,000 บาท (เงินฝากส่วนที่เกิน 200,000 บาท ไม่ได้รับความคุ้มครองด้านประกันชีวิต)
บัญชีเงินฝากที่มีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของร่วม ได้รับความคุ้มครองประกันชีวิตสําหรับเจ้าของบัญชีร่วมเพียงคนเดียว
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

3. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองโรคร้าย (LHB Health Care Savings) จาก ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ความคุ้มครอง 30 โรคร้าย เจอ จ่าย จริง ยิ่งฝากมาก ยิ่งคุ้มครองมาก สูงสุด 1 ล้านบาท ประหยัดเวลา ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบแบบสอบถามสุขภาพเท่านั้น หมดกังวลเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยประกัน พร้อมรับดอกเบี้ยเงินฝากทุกวันสุดท้ายของเดือน

วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 100,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย : 0.75% ต่อปี
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เปิดบัญชีในนามบุคคลธรรมดา อายุตั้งแต่ 18 – 65 ปี (ต่ออายุไม่เกิน 70 ปี *) (วิธีการนับอายุ = ปี พ.ศ เกิด) และจะไม่อยู่ระหว่างการพักรักษาตัว เนื่องจากเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ และจะต้องมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดพิการ ไม่มีโรคประจำตัวและไม่เป็นโรคร้ายแรง ก่อนวันที่มีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครอง

จำนวนเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ 100,000 บาท และไม่กำหนดจำนวนเงินสูงสุด
ผู้ฝาก 1 ราย ต่อ 1 บัญชีเท่านั้น (ไม่รับเปิดบัญชีร่วม)
ลูกค้าต้องแถลงประวัติสุขภาพตามแบบฟอร์มที่บริษัทฯ กำหนดและผ่านเกณฑ์การพิจารณารับประกัน โดยบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

4. บัญชีเงินฝากคุ้มครองชีวิตแผน 1 จาก ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยิ่งฝากมาก ยิ่งคุ้มครองมาก รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั่วโลก 24 ชั่วโมง ด้วยวงเงินคุ้มครอง 25 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือก่อนวันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต 1 วัน (สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท) ช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องตรวจสุขภาพ หมดกังวลเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยประกัน

วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 1,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย : 0.25% ต่อปี
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีสำหรับลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดา อายุ 15 - 70 ปี (วิธีนับอายุ กรณีเศษเดือนมากกว่า 6 เดือน ให้ปัดเป็น 1 ปี)
มีสัญชาติไทย หรือชาวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และที่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย หรือมีหลักฐานอื่นๆ ที่แสดงการพำนักพักพิงในเมืองไทยเกิน 1 ปี เช่น สัญญาเช่าบ้านหรือคอนโด, สำเนาทะเบียนบ้าน

มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดพิการ ไม่มีโรคประจำตัวและไม่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคลมชัก โรควัณโรค เนื้องอก โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด โรคเลือด โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับ โรคไต โรคเกี่ยวกับสมองและประสาท โรคจิต โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือกระดูก การติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเอดส์ เป็นต้น

ไม่ประกอบอาชีพ พนักงานส่งเอกสาร ผู้ที่ใช้จักรยานยนต์ในการปฏิบัติงานเป็นประจำ เช่น พนักงานส่งเอกสาร พนักงานส่งอาหาร คนขับจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ทำหรือใช้งานเกี่ยวกับวัตถุระเบิดหรือเหมืองใต้ดิน นักกีฬาอาชีพ พนักงานประจำเรือ และแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย

ผู้เปิดบัญชีเงินฝากสามารถระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองชีวิต 1 (Saving Super Shield 1) ผ่านช่องทางสาขา หรือ  LHB You Mobile Banking Application ทั้งนี้ ผู้เปิดบัญชีสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้เพียง 1 คน เท่านั้น หากกรณีที่ผู้เปิดบัญชีไม่ระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้รับผลประโยชน์ เป็นทายาทตามกฎหมาย เท่านั้น

เมื่อบริษัทฯ ได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลที่ระบุชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์แล้ว ทายาทตามกฎหมายของผู้เปิดบัญชีจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและ/หรือ เงินอื่นใดจากบริษัทฯ อีกไม่ได้
หมายเหตุ: ทหาร และตำรวจ กรมธรรม์จะไม่คุ้มครองในขณะปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปราม
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

5. บัญชีเงินฝากคุ้มครองชีวิตแผน 2 จาก ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยิ่งฝากมาก ยิ่งคุ้มครองมาก รับความคุ้มครอง 3 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือก่อนวันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต 1 วัน (วงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท) ช่วยให้ประหยัดเวลา ไม่ต้องตรวจสุขภาพ หมดกังวลเรื่องการจ่ายค่าเบี้ยประกัน แถมยังได้รับดอกเบี้ยสูงแบบรายเดือน

วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 100,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย : 0.75% ต่อปี
 
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดา อายุ 15 - 70 ปี (วิธีนับอายุ กรณีเศษเดือนมากกว่า 6 เดือน ให้ปัดเป็น 1 ปี)
มีสัญชาติไทย หรือชาวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และที่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย หรือมีหลักฐานอื่นๆ ที่แสดงการพำนักพักพิงในเมืองไทยเกิน 1 ปี เช่น สัญญาเช่าบ้านหรือคอนโด, สำเนาทะเบียนบ้าน

มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดพิการ ไม่มีโรคประจำตัวและไม่เป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคลมชัก โรควัณโรค เนื้องอก โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด โรคเลือด โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับ โรคไต โรคเกี่ยวกับสมองและประสาท โรคจิต โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือกระดูก การติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเอดส์ เป็นต้น

ไม่ประกอบอาชีพ พนักงานส่งเอกสาร ผู้ที่ใช้จักรยานยนต์ในการปฏิบัติงานเป็นประจำ เช่น พนักงานส่งเอกสาร พนักงานส่งอาหาร คนขับจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ทำหรือใช้งานเกี่ยวกับวัตถุระเบิดหรือเหมืองใต้ดิน นักกีฬาอาชีพ พนักงานประจำเรือ และแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย

ผู้เปิดบัญชีเงินฝากสามารถระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองชีวิต 2 (Saving Super Shield 2) ผ่านช่องทางสาขา หรือ  LHB You Mobile Banking Application ทั้งนี้ ผู้เปิดบัญชีสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้เพียง 1 คน เท่านั้น หากกรณีที่ผู้เปิดบัญชีไม่ระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้รับผลประโยชน์ เป็นทายาทตามกฎหมาย เท่านั้น

เมื่อบริษัทฯ ได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลที่ระบุชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์แล้ว ทายาทตามกฎหมายของผู้เปิดบัญชีจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและ/หรือ เงินอื่นใดจากบริษัทฯ อีกไม่ได้
หมายเหตุ: ทหาร และตำรวจ กรมธรรม์จะไม่คุ้มครองในขณะปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปราม
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

6. บัญชีเงินฝาก ทีทีบี เซฟวิ่ง แคร์ (ttb savings care account) จากธนาคารทหารไทยธนชาต เป็นบัญชีที่มอบทั้งความคุ้มค่าจากดอกเบี้ย และความคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุ 20 เท่าของเงินฝาก โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกัน และให้ความคุ้มครองทันทีที่เปิดบัญชี

วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 5,000 บาท ฝากครั้งต่อไปไม่จำกัดจำนวน
 
อัตราดอกเบี้ย : 0.125% ต่อปี

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
ลูกค้า 1 รายสามารถเปิดบัญชีได้มากกว่า 1 บัญชี และต้องมีอายุ 15-70 ปีบริบูรณ์ ที่เปิดบัญชีสำหรับลูกค้าทั่วไป(บุคคลธรรมดา) และต้องไม่ใช่บัญชีที่เปิดร่วมกับผู้อื่น
ต้องมีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 5,000 บาท เพื่อรับความคุ้มครองอุบัติเหตุ

จำนวนเงินหรือค่าสินไหมทดแทนที่ลูกค้าจะได้รับความคุ้มครอง เท่ากับ 20 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือในบัญชี 1 วัน ณ วันก่อนเกิดอุบัติเหตุซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวร สูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาทต่อปี

กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวร ผลประโยชน์ที่เป็นจำนวนเงิน หรือค่าสินไหมทดแทน จะดูจากยอดเงินฝากคงเหลือในบัญชี 1 วัน ณ วันก่อนเกิดอุบัติเหตุ และมอบให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ได้แจ้งไว้กับธนาคาร ซึ่งสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้สูงสุด 5 คน โดยไม่จำกัดอายุ

มอบความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลแก่เจ้าของบัญชี โดยลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมงนับจากวันที่เปิดบัญชี ซึ่งคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุ

ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟัง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวร แต่ไม่รวมถึงการถูกฆาตกรรม หรือถูกทำร้ายร่างกาย ไม่รวมถึงการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ และไม่รวมค่ารักษาพยาบาลในทุกกรณี
เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามประกาศธนาคาร ในกรณีมีการเปลี่ยนแปลง

7. บัญชีเงินฝากจากใจ ธนาคารไทยพาณิชย์ แทนความห่วงใยจากใจเพื่อคนที่คุณรัก ด้วยบัญชีเงินฝาก ที่มีประกันชีวิตจากอุบัติเหตุ ทำได้ง่ายๆ รับความคุ้มครอง 24 ชั่วโมงทั่วโลก คุ้มครองตั้งแต่บาทแรก ไม่มีเงื่อนไขยุ่งยาก รับความคุ้มครอง เมื่อเปิดบัญชีตั้งแต่บาทแรก ให้ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุ 20 เท่า ของยอดเงินคงเหลือก่อนประสบอุบัติเหตุ 1 วัน สูงสุด 10,000,000 บาท

วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 500 บาท สูงสุดไม่จำกัด
 
อัตราดอกเบี้ย :
รับอัตราดอกเบี้ย 0.20% ต่อปี สำหรับบัญชีเงินฝากจากใจ แบบมีสมุดคู่ฝาก
รับอัตราดอกเบี้ย 0.55% ต่อปี สำหรับบัญชีเงินฝากจากใจ แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
ผู้ฝากจะต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทยและมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือ ชาวต่างชาติที่เข้ามา ในราชอาณาจักรไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายหรือมีหลักฐานที่ แสดงการพำนักพักพิงในประเทศไทยเกิน 1 ปี
ณ วันเปิดบัญชีเงินฝากผู้ฝากจะต้องมีอายุระหว่าง 15 ปี ถึง 69 ปี
ผู้ขอเปิดบัญชีต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดพิการและไม่เป็นโรคร้ายแรง

คุ้มครองจำนวนเงิน 20 เท่า ของเงินฝากคงเหลือในบัญชี ณ วันก่อนประสบอุบัติเหตุ 1 วัน ที่มียอดคงเหลือ ไม่เกิน 500,000 บาท คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อบุคคล ทั้งนี้ จำนวนเงินฝากส่วนที่เกิน 500,000 บาท จะไม่ได้รับความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ แต่ยังคงได้รับ อัตราดอกเบี้ยอัตราเดียวกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์จากใจ ในอัตรา 0.20% - 0.55% ซึ่งจะเป็นอัตรา ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ปกติ
เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

8. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยูโอบี วีแคร์ จากธนาคารยูโอบี เป็นบัญชีเงินฝากที่ผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุ สูงสุด 10,000,000 บาท หรือ 10 เท่าของเงินฝาก ตลอด 24 ชม. พร้อมรับดอกเบี้ยสูง แบบรายเดือน
 
วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 1,000 บาท
 
อัตราดอกเบี้ย : รับอัตราดอกเบี้ยตามยอดเงินฝาก ดังนี้
ยอดเงินฝากน้อยกว่า 50,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อปี

ยอดเงินฝากตั้งแต่ 50,000 บาท แต่ไม่ถึง 1 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.55% ต่อปี
ยอดเงินฝากตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี
ยอดเงินฝากมากกว่า 10 ล้านบาท รับอัตราดอกเบี้ย 0.55% ต่อปี
เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา อายุ 15 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป
ผู้ฝากเงินจะได้รับวงเงินคุ้มครองการประกันอุบัติเหตุตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ดังนี้
- ผู้ฝากต้องมียอดเงินคงเหลือมากกว่าหรือเท่ากับ 10,000 บาท ก่อนวันเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน

- ผู้ฝากจะได้รับวงเงินความคุ้มครองเป็นจำนวน 10 เท่าของยอดเงินฝากคงเหลือก่อนวันเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน แต่ไม่เกิน 10,000,000 บาท ต่อคนไม่ว่าจะถือบัญชี ยูโอบี วีแคร์ กี่บัญชีก็ตาม
- กรณีผู้ฝากเงิน มีอายุมากกว่า 70 ปี ณ วันที่เปิดบัญชี จะได้รับค่าสินไหมทดแทนไม่เกิน 70% ของจำนวนวงเงินคุ้มครอง แต่ไม่เกิน 7,000,000 บาทต่อคน

กรณีที่ผู้ฝากมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ยูโอบี วี แคร์ มากกว่า 1 บัญชี การคำนวณจำนวนวงเงินคุ้มครองจะคำนวณจากบัญชีที่มียอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปของทุกบัญชีรวมกัน โดยจำนวนวงเงินคุ้มครองสูงสุดจะไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อคน

กรณีเปิดบัญชีร่วม โดยใช้ชื่อร่วมมากกว่า 1 คน และไม่ได้ระบุสัดส่วนของสิทธิประโยชน์ที่แต่ละคนพึงจะได้รับ การคำนวณวงเงินความคุ้มครองจะคำนวณจากบัญชีที่มียอดเงินฝากคงเหลือตั้งแต่ 10,000 บาท หารด้วยจำนวนผู้เปิดบัญชีร่วม โดยแต่ละคนจะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวน 10 เท่าของสัดส่วนของแต่ละคนที่คำนวณได้จากการหารเฉลี่ยจำนวนผู้ถือบัญชีเงินฝากร่วมกับวงเงินคุ้มครอง แต่สูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อบัญชี ไม่ว่าจะมีผู้ถือบัญชีร่วมกี่คนก็ตาม

เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

9. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยูโอบี ซีเคียวร์ จากธนาคารยูโอบี เป็นบัญชีเงินฝากที่มอบความคุ้ใครองทั้งอุบัติเหตุ และ 4 โรคร้าย โดยรับความคุ้มครองอุบัติเหตุ 20 เท่าของเงินฝาก คุ้มครองสูงสุด 10 ล้านบาท ทุกที่ทั่วโลก ตลอด 24 ชม. คุ้มครอง 4 โรคร้ายแรง 2 เท่าของเงินฝาก คุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาท เจอ - จ่าย - จบ

และขยายความคุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รถจักรยานยนต์ อบ.3 โดยคุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา การพูดออกเสียง การรับฟัง หรือทุพพลภาพถาวรจากการถูกฆาตกรรม หรือถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้ ไม่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
วงเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ : 1,000 บาท
 
อัตราดอกเบี้ย : 0.15% ต่อปี

เงื่อนไขบัญชีเงินฝาก :
เป็นบัญชีเงินฝากสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา อายุ 15 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป
ผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ดังนี้
- ผู้ฝากเงินต้องมียอดเงินฝากคงเหลือในบัญชี ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ก่อนวันเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน
- ผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองเป็นจำนวน 20 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือก่อนวันเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อคน ไม่ว่าจะถือบัญชี ยูโอบี ซีเคียวร์ กี่บัญชีก็ตาม

- กรณีผู้ฝากเงิน มีอายุมากกว่า 70 ปี ณ วันที่เปิดบัญชี จะได้รับค่าสินไหมทดแทนไม่เกิน 70% ของจำนวนวงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 7 ล้าน บาทต่อคน
ผู้ฝากเงินต้องระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ในแบบฟอร์มการเปิดบัญชีฝาก
ผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรง ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ดังนี้

- ลูกค้าจะต้องมีสุขภาพดี และไม่เคยเป็นโรคร้ายแรงมาก่อน รวมถึงประวัติทางการแพทย์ และเงื่อนไขที่บริษัทประกันเป็นผู้กำหนดในใบขอเอาประกันโรคร้ายแรง
- ผู้ฝากเงินจะต้องมียอดเงินคงเหลือมากกว่า 500,000 บาทก่อนวันที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคร้ายแรง 1 วัน

- ผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครองเป็นจำนวน 2 เท่า ของยอดเงินฝากคงเหลือก่อนวันที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคร้ายแรง 1 วัน คุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อคน ไม่ว่าจะถือบัญชี ยูโอบี ซีเคียวร์ กี่บัญชีก็ตาม
- ความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรง ได้แก่ โรคหลอดเลือดในสมองแตก หรืออุดตัน โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ไตวายเรื้อรัง และ โคม่า จะเริ่มต้นหลังจาก 90 วัน นับจากวันที่เปิดบัญชี (เนื่องจากมีระยะเวลารอคอย) โดยผู้เปิดบัญชีจะเป็นผู้รับผลประโยชน์

- ความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรงสำหรับผู้ฝากเงินที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี เท่านั้น กรณีผู้ฝากเงิน มีอายุมากกว่า 65 ปี ณ วันที่เปิดบัญชีจะไม่ได้รับความคุ้มครอง กรณีผู้ฝากเงิน มีอายุไม่เกิน 65 ปี ณ วันที่เปิดบัญชี และต่อมามีอายุครบ 65 ปี ความคุ้มครองจะสิ้นสุดลง
หมายเหตุ : ธนาคารแจ้งยกเลิกความคุ้มครองโรคร้ายแรงของบัญชียูโอบี ซีเคียวร์ โดยความคุ้มครอง 4 โรคร้ายแรง จะคุ้มครองจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เท่านั้น

เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ดูบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารยูโอบี
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเลือกฝากเงินกับบัญชีไหน จาก 9 บัญชีข้างต้น เพียงมียอดเงินฝากตามเงื่อนไข ก็สามารถรับความคุ้มครองอุบัติเหตุ หรือความคุ้มครองชีวิต ได้แบบไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มค่ะ

ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ธนาคารมอบให้กับลูกค้า ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเท่าไหร่ จะมีเงินพอจ่ายหรือไม่ บางบัญชีอาจได้รับดอกเบี้ยมากบ้างน้อยบ้าง แต่หากต้องการบัญชีที่เป็นที่พักเงิน แถมได้ความคุ้มครองให้อุ่นใจด้วยแล้ว ก็ลองเลือกเปิดบัญชีเงินฝากแบบมีประกัน ไว้ให้สัก 1 บัญชีนะคะ

3
บริหารจัดการอาคาร: การวางท่อระบายน้ำในบ้านที่ถูกวิธี ต้องคำนึงถึงสิ่งใด ?

ปัญหาน้ำรั่วซึมภายในบ้านนอกจากเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นเพราะโครงสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน หรือเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมแล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำรั่วซึมก็คือ การวางระบบท่อน้ำภายในบ้านที่ไม่ถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมภายในบ้าน อันดับแรกเจ้าของบ้านควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งระบบท่อประปาที่ได้มาตรฐาน รวมถึงศึกษาข้อมูลเบื้องตันเกี่ยวกับชนิดของท่อประปา รวมถึงมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยท่อที่ใช้สำหรับงานประปามีหลากชนิด ดังนี้

- ท่อ PVC
- ท่อไซเลอร์
- ท่อ PPR
- ท่อพีอีเอทิลิน

ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่ต่างกันออกไป สำหรับท่อที่นิยมใช้มากที่สุดคือท่อ PVC เนื่องจากมีราคาไม่แพง อีกทั้งเป็นพลาสติกที่มีความทนทาน มีความยืดยุ่นสูง ขึ้นรูปง่าย โดยท่อ PVC มี 2 ชนิด ดังนี้

ท่อ PVC สีฟ้า : เป็นชนิดที่ได้หลายบ้านนิยมใช้ มีความยืดยุ่น และแข็งแรง ความหนามีขนาด 13.5, 8.5 และ 5 มิลลิเมตร หากต้องการใช้งานกับปั๊มน้ำ ควรเลือกที่มีความหนามากที่สุด เพื่อจะได้ทาต่อแรงดึงดูด รวมถึงแรงดันของปั๊มน้ำได้ดี  สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ห้ามนำท่อ PVC สีฟ้ามาเดินสายไฟเป็นอันขาด เนื่องจากเป็นชนิดท่อที่ไม่มีสารกันไฟ และไม่มีความยืดยุ่น หากต้องการใช้ท่อเดินสายไฟ แนะนำให้เลือกท่อ PVC สีเหลือง

ท่อ PVC สีเทา : เป็นชนิดท่อที่มีราคาถูก มีความบาง และยืดยุ่นได้น้อย มักนิยมใช้ในระบบส่งน้ำทางการเกษตร หรือระบบการส่งน้ำที่ไม่พิถีพิถัน โดยไม่เหมาะกับการนำมาใช้กับระบบท่อภายในบ้าน เนื่องจากไม่มีความคงทน รวมถึงไม่ควรนำมาใช้ร้อยกับสายไฟ เพราะท่อ PVC เมื่อโดดความร้อนจะเกิดอาการหดตัว

การบริหารจัดการน้ำภายในบ้าน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระบบสุขาภิบาล ซึ่งการจัดระบบท่อสุขาภิบาลต้องมีวิศวกรออกแบบ เพื่อให้มีความเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมภายหลัง สำหรับระบบท่อสุขาภิบาลจะไม่มีแรงดันน้ำ โดยภายในท่อจะลำเลียงของเหลวให้ไหลไปตามทางลาดเอียงของเส้นท่อ โดยระบบสุขาภิบาลจะแยกระบบท่อน้ำทิ้ง ดังนี้

ระบบท่อน้ำโสโครก : เป็นระบบท่อน้ำเสียจากโถส้วมปัสสาวะในห้องน้ำ แล้วไหลลงไปยังระบบถังบำบัดน้ำเสีย
ระบบท่อระบายน้ำทิ้ง : เป็นระบบท่อน้ำเน่าที่มาจากอ้างล้างหน้า น้ำจากการอาบน้ำ หรือน้ำล้างจาน แล้วไหลลงไปยังระบบบำบัดน้ำเสีย
ระบบท่อระบายอากาศ : ติดตั้งกับระบบท่อระน้ำน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาสุญญากาศภายในเส้นท่อ ซึ่งจะทำให้ท่อระบายน้ำได้สะดวก
ระบบท่อระบายน้ำภายนอก : เป็นระบบที่ลำเลียงน้ำออกไปยังระบบระบายน้ำสาธารณะ

เพื่อป้องกันไม่ให้การเปิดปัญหาน้ำรั่วซึม พี่เข้วิธีเลือกใช้ท่อที่เหมาะสม รวมถึงการติดตั้งระบบท่อระบายน้ำภายในบ้านที่ถูกวิธีมาบอกครับ

เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ

อันดับแรกควรเลือกซื้อท่อระบายที่วัสดุมีคุณภาพ และตรงตามมาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งเป็นท่อใหม่ ไม่มีรอยแตก หรือสีหมอง ที่สำคัญด้านบนท่อควรมีการประทับข้อความระบุยี่ห้อเป็นระยะๆ หรือมีชื่อของบริษัทที่ผลิต มีตัวเลขบอกถึงความหนาของตัวท่อ รวมถึงบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง และมีเครื่องหมายการรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรม

เลือกชนิดของท่อที่เหมาะสม

ท่อน้ำดี และท่อน้ำทิ้ง สามารถใช้ท่อ PVC สามารถใช้ท่อ PCV แบบปกติได้ เนื่องจากเป็นมีอุณหภูมิน้ำปกติ แต่หากเป็นท่อน้ำร้อนให้เลือกใช้ท่อทองแดง หากต้องการให้สามารถใช้ทางทั้งน้ำเย็น และน้ำร้อน แนะนำให้เลือกใช้ท่อ PPR สำหรับท่อที่ต้องรับแรงดันมาก ต้องใช้ท่อเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทาน ส่วนท่อน้ำร้อนที่เชื่อมต่อระหว่างตัวเครื่องทำน้ำร้อนกับวาล์วควบคุมการเปิด-ปิดน้ำร้อน ที่อยู่บริเวณด้านล่างอ่างอาบน้ำแนะนำใช้ท่อเหล็ก หลีกเลี่ยงการใช้ท่อ PVC เพราะความร้อนอาจทำให้ท่อ PVC ละลายได้

เลือกใช้ขนาดท่อที่เหมาะสม

ความหนาของท่อ PVC ที่เหมาะสมคือ 13.5, 8.5 หรือ 5 มิลลิเมตร ส่วนท่อน้ำทั่วไปต้องมีความหนาที่ 8.5 มิลลิเมตร แต่หากจุดที่ต้องใช้แรงดันน้ำมากควรเลือกใช้ท่อที่มีความหนา 13.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ขนาดของท่อก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน โดยควรเลือกขนาดท่อที่ลดหลั่นจากจุดมาตรวัดน้ำ หรือท่อที่ต่อจากปั๊มน้ำขนาดใหญ่ไปเล็ก โดยขนาดท่อน้ำที่เหมาะอยู่ที่ 1 ½ นิ้ว – 1 นิ้ว จากนั้นให้ใช้ท่อต่อขนาดเล็กลง ซึ่งจะเป็นการทำให้น้ำส่งต่อไปยังส่วนต่างๆ ของบ้าน สำหรับท่อน้ำที่ได้มาตรฐานคือต้องมีขนาด ¾ นิ้ว ส่วนท่อแยกที่ใช้ในส่วนของสุขภัณฑ์ ต้องมีขนาด ½ นิ้ว ในส่วนของท่อโสโครกต้องใช้ที่มีขนาด 4 นิ้ว และต้องทำการลาดเอียงไว้ด้วย

การต่อท่อน้ำที่ถูกวิธี มีดังนี้....

- วางแผนก่อนการเดินท่อ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง
- ต่อท่อ PVC ต้องเช็ดทำความสะอาดก่อนทาน้ำยาประสาน รวมถึงวัดระยะการต่อท่อที่เหมาะสม และเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
- เดินท่อให้สั้นที่สุด และให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
- เมื่อเดินท่อเสร็จต้องทำหัวอุดท่อก่อนจะต่อกับสุขภัณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกลงไปในท่อ
- การเดินท่อน้ำแบบฝังต้องเทพื้น หรือฉาบผนังก่อน รวมถึงทดสอบการไหลของน้ำ และตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาการซ่อมแซมภายหลัง

หลังจากที่วางระบบท่อเสร็จ เจ้าของบ้านควรตรวจเช็คหน้างานด้วยการเริ่มจากจุดมาตรวัดน้ำ โดยเป็นจุดที่น้ำภายนอกไหลเข้าสู่ภายในบ้าน ซึ่งต้องมีวาล์ หรือประตูน้ำ 2 ชนิด คือ

1. บอลวาล์ว
2. เกทวาล์ว

โดยต้องติดตั้งกับท่อส่งน้ำทั้งก่อน และหลังมาตรวัดน้ำ รวมถึงถ้าในระบบมีปั้มน้ำ ก็ควรต้องมีวาล์วติดตั้งท่อส่งน้ำทั้งก่อนและหลัง ส่วนบริเวณสุขภัณฑ์ให้ตรวจเช็คว่า น้ำสามารถส่งถึงอุปกรณ์ได้ดีหรือไม่ รวมถึงระบายน้ำทิ้งได้ ท่อโสโครกไม่เกิดปัญหาอุดตัน มีสำคัญคือท่อที่ต่อจากโถปัสสาวะ ต้องแยกกันเพราะมิเช่นนั่นจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็น และได้น้ำที่ไม่สะอาด และหลังจากที่ติดตั้งระบบท่อน้ำ ควรทดลองเปิด-ปิดน้ำแต่ละบริเวณว่ามีการรั่วซึมหรือไม่

 เพื่อได้ระบบท่อน้ำที่มีมาตรฐาน ควรเลือกช่างที่มีความรู้ความชำนาญ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม จะได้ไม้เกิดปัญหารั่วซึมภายหลัง โดยที่เจจะเข้มีผลิภัณฑ์เหมาะแก่การซ่อมสร้าง ไรปัญหาใดๆ มาทำให้เวีนยหัว!

4
ปล่อยรถผู้บริหาร BMW X4M Competition ฟรีประกัยภัยชั้น 1 ระยะเวลา 3 ปี

บีเอ็มดับเบิลยู BMW X4 M Competition ปี 2022
BMW X4 M Competition รถยนต์ Sports Activity Coupe (SAC) ที่เติมพลังให้เหนือกว่า X4 M รุ่นเดิมด้วยชุดแต่ง Competition เสริมให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 2,993 ซีซี มอบความแรงได้ถึง 375 กิโลวัตต์ / 510 แรงม้า ขณะที่การเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ทำได้ในเวลาเพียง 4.0 วินาทีเท่านั้น

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 25 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
BSI 5 ปี / 100,000 KM
ฟรีประกัยภัยชั้น 1 ระยะเวลา 3 ปี

ราคาพิเศษ 6,559,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                  BMW
   รุ่น                       บีเอ็มดับเบิลยู BMW X4 M Competition ปี 2022
   ประเภทรถ              รถสปอร์ตอเนกประสงค์ SAV
   ปีที่เปิดตัว              2022


5
จัดฟันบางนา: วิธีป้องกัน รากฟันเทียม อักเสบ !

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น เป็นการรักษาที่ได้รับึวามนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากการใส่ฟันปลอม เพื่อทดแทนการสูญเสียฟัน เริ่มจะไม่เป็นที่นิยมแล้วในปัจจุบัน เพราะมีข้อบกพร่องอยู่หลายประการ ซึ่งยังไม่ตอบโจทย์มากนักในการใช้ชีวิตในสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย การรับประทานอาหาร ก็จะเกิดปัญหาตลอดเมื่อต้องใส่ฟันปลอม การฝังรากฟันเทียมจึงเป็นการทดแทนฟันที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะเป็นการฝังรากฟันเทียมเข้าไปในช่องปาก ทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าการใส่ฟันปลอม ซึ่งอาจจะทำให้หลุด หรือพูดไม่ชัด ส่งผลให้เสียบุคลิกภาพ และทำให้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันได้

สำหรับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียม ในแต่ละกรณีอาจจะพบปัญหาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับบุคคล บางครั้งอาจจะเกิดอาการเจ็บปวด เนื่องจากอุปกรณ์ของการรักษาที่ติดตั้งอยู่ภายในช่องปาก และทำให้เกิดการอักเสบได้ในที่สุด ผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมจะต้องดูแลรักษาความสะอาดให้มากเป็นพิเศษ ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ หากผู้เข้ารับการรักษาละเลยการดูแลรักษาความสะอาด ก็อาจจะทำให้เกิดอาการรากฟันเทียมอักเสบบริเวณเหงือกและบริเวณรอบๆของรากฟันเทียม ซึ่งอาจจะทำให้อกิดการติดเชื้อตามมาได้ จะทำให้การรักษายุ่งยากเข้าไปอีก

ดังนั้นผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมจะต้องเอาใจใส่ช่องปากมากเป็นพิเศษ ด้วยการเลี่ยงการขบเคี้ยวแรงๆ ควรเลือกรับประทานอาหารที่อ่อนๆ เพื่อลกแรงบดเคี้ยวที่จะทำให้ส่งผลต่อรากฟันเทียมและบาดแผล รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงอาหารที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด เพราะจะทำให้แผลหายช้า นอกจากนี้การไม่ระวังในการใช้งานของฟัน ก็ส่งผลให้เกิดการอักเสบได้ เช่นการเปิดฝาขวดด้วยน้ำอัดลม ซึ่งจะทำให้รากฟันเทียมเกิดการกระทบกระเทือน หรืออาจะทำให้รากฟันเทียมหลุดได้ ซึ่งหากรากฟันเทียมหลุด จะทำการแก้ไขได้ยาก ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการฝังรากฟันเทียมใหม่อีกครั้ง เพราะรากฟันเทียมที่ทำชำรุดไม่สามารถใช้งานได้แล้ว

และอีกข้อห้ามที่สำคัญสำหรับการฝังรากฟันเทียม คือการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากอยู่แล้ว ข้อนี้หลายคนคงทราบกันดี เพราะจะทำให้เหงือกเกิดการอักเสบ เกิดภาวะเหงือกร่นได้ ทำให้กระดูกขากรรไกรไม่แข็งแรง ซึ่งจะทำให้ผลการรักษาเกิดความล้มเหลวได้ สำหรับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผู้เข้ารับการรักษาควรจะงดตั้งแต่ก่อนทำ ไปจนถึงขั้นตอนการดูแลหลังการรักษา เพราะแอลกอฮอล์จะส่งผลให้บาดแผลจากการผ่าตัดหายช้า และยังทำให้เลือดไหลไม่หยุดอีกด้วย โดยจะส่งผลโดยตรงต่อบาดแผล เพราะฉะนั้น การที่รากฟันเทียมเกิดการอักเสบ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เข้ารับการรักษาไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์นั่นเอง

6
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
เรา
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



7
รีวิวบ้านใหม่ 2025: NARASIRI PHAHOL - WATCHARAPOL บ้านหรูกลิ่นอายในแบบฝรั่งเศส เริ่ม 35 ล้าน*

ต้องขอบอกก่อนว่าตะลึงตั้งแต่ทางเข้าโครงการเลย สำหรับ นาราสิริ พหลฯ-วัชรพล (NARASIRI Phahol-Watcharapol) บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่กับสไตล์ Modern French Renaissance ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ การออกแบบจากความงดงามยุครุ่งเรืองฝรั่งเศส ในทุก ๆ รายละเอียด ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและโมเดิร์นในยุคสมัยใหม่ ตั้งแต่ดีไซน์การออกแบบงานสถาปัตยกรรมระดับเวิลด์คลาสของฝรั่งเศส ตลอดจนการตั้งชื่อแลนด์มาร์คสำคัญในโครงการ ใช้คำว่าสวยได้เปลืองมาก ทุกๆ ตารางเมตรในโครงการได้ใส่ใจในรายละเอียดและที่มาของวัสดุ รวมถึงประติมากรรมงานฝีมือชั้นยอดซึ่งนำเข้าจากยุโรปด้วย มาพร้อมราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท! ใครที่สนใจอย่ารอช้า รีบจองด่วน เพราะของดีแบบนี้มี 125 ยูนิตเท่านั้น

ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ : นาราสิริ พหลฯ-วัชรพล (NARASIRI Phahol-Watcharapol)
เจ้าของโครงการ : บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
เนื้อที่โครงการ : 75 ไร่
ลักษณะโครงการ : บ้านเดียวสูง 2 ชั้น
จำนวนบ้าน : 125 ยูนิต
เนื้อที่บ้าน : 90-290 ตรว.
พื้นที่ใช้สอย : 347 - 658 ตร.ม.
ที่จอดรถ : 3 -4 คัน (Double Parking สามารถรองรับจำนวนรถได้มากถึง 2 เท่า)
ราคาเริ่มต้น : 35 – 90 ล้านบาท*

ทำเลที่ตั้ง
นาราสิริ พหลฯ-วัชรพล บนที่ตั้งทำเลที่ดีที่สุดในย่านพหลโยธิน-วัชรพล เดินทางสะดวกใกล้จุดขึ้น-ลงทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) เพียง 3.9 กม. ถนนวงแหวนรอบนอก (ตะวันออก) 8.4 กม. และใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สถานีสายหยุด เพียง 5.5 กม. และรถไฟฟ้าสายสีชมพู 4 กม.
เรื่องช้อปปิ้งก็สะดวกใกล้ห้างสรรพสินค้าและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ชั้นนำคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) เพียง 9.5 กม. เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์ เพียง 10.4 กม. เดอะ คริสตัล เพียง 11 กม.

หากมีบุตรหลานก็ส่งเรียนใกล้บ้านได้ ใกล้นานาชาติถึง 4 ที่ คือ โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ เพียง 6.2 กม. โรงเรียนนานาชาติ NIVA American 11.1 กม.โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพ 14.4 กม. โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ 14.7 กม.

บรรยากาศส่วนกลาง
ส่วนกลางของที่นี่สวยอลังการเหมือนไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย  ซึ่งที่รู้สึกแบบนั้นเพราะว่าผังโครงการออกแบบให้สอดคล้องกับผังเมืองกรุงปารีส สถาปัตยกรรมและงานประติมากรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่บริเวณทางเข้าโครงการออกแบบให้มีความสง่างาม ประติมากรรมสิงโตมีปีก (Lelion De Victoire) ที่สื่อถึงความก้าวหน้าในด้านธุรกิจและความเจริญรุ่งเรือง

Mini Maison (มินิ เมซง) หรือล็อบบี้ เลาจน์ พื้นที่นัดพบทางธุรกิจสำคัญโดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในโครงการ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน พื้นที่ส่วนกลางขนาดกว่า 6 ไร่ แรงบันดาลใจการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์จากพระราชวังแวร์ซาย อาทิ การจัดสวนแบบปาร์แต (Parterre) ที่เน้นการใช้ไม้ตัดแต่งเป็นลวดลายอ่อนช้อยและสมมาตร และสวนสาธารณะตุยเลอรี (Jardin des Tuileries) ในกรุงปารีส แนวต้นไม้ที่ปลูกขนานกันสองฝั่งที่จำลองมาจากถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs-Élysées) ตลอดจนประติมากรรมงานฝีมือชั้นยอดซึ่งนำเข้าจากยุโรป อาทิ รูปปั้นน้ำพุ กระถางต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ในสวนส่วนกลาง

พาวิลเลียนทรงกลาสเฮาส์ ทำจากเหล็กดัดงานคราฟท์ แรงบันดาลใจจากหอไอเฟล Le Club คลับเฮาส์ขนาดใหญ่ ในตำแหน่งที่สวยที่สุดของโครงการ ท่ามกลางทะเลสาบ สวนส่วนกลางแรงบันดาลใจจากพระราชวังแวร์ซาย อาทิ หลังคาทรงกลาสเฮ้าส์ ภายในตกแต่อย่างในแบบฉบับของฝรั่งเศส อาทิ
ห้องอเนกประสงค์ที่สามารถรองรับการประชุมหรือติดต่อทางธุรกิจ และสระว่ายน้ำขนาด 10x25 เมตร พร้อมสระเด็ก และ GYM สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีสนามเด็กเล่น และสนามบาสเก็ตบอล สำหรับทุกวัยของครอบครัวได้สามารถเพลินเพลินกับกิจกรรมที่ชื่นชอบได้อย่างเต็มที่


สำหรับโครงการ นาราสิริ พหลฯ-วัชรพล มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ ดังนี้

Manoir No. 3 มี 4 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 1 ห้องรับแขก, 1 ห้องอเนกประสงค์, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัว, 1 ห้องแม่บ้าน และที่จอดรถ 3 คัน  พื้นที่ใช้สอย 347 ตร.ม.
Manoir No. 4 มี 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 2 ห้องรับแขก, 1 ห้องอเนกประสงค์, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัว, 1 ห้องแม่บ้าน,  และที่จอดรถ 3 คัน พื้นที่ใช้สอย 412 ตร.ม.
Manoir No. 5 มี 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 2 ห้องรับแขก, 1 ห้องอเนกประสงค์, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัว, 2 ห้องแม่บ้าน, และที่จอดรถ 4 คัน  พื้นที่ใช้สอย 524 ตร.ม.
Manoir No. 6 มี 5 ห้องนอน, 6 ห้องน้ำ, 2 ห้องรับแขก, 1 ห้องอเนกประสงค์, ส่วนรับประทานอาหาร, ห้องครัว, ส่วนเตรียมอาหาร, 2 ห้องแม่บ้าน, และที่จอดรถ 4 คัน พื้นที่ใช้สอย 658 ตร.ม.
Manoir No. 3 พื้นที่ใช้สอย 347 ตร.ม.
Manoir No. 6 พื้นที่ใช้สอย 658 ตร.ม.

ปัจจุบันโครงการนาราสิริ พหลฯ-วัชรพล กวาดยอดขายรอบ VIP รวมกว่า 1,000 ลบ. แล้วภายใน 2 สัปดาห์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาฯ

8
Doctor At Home: มะเร็งไทรอยด์ (Thyroid cancer)

มะเร็งไทรอยด์ เป็นโรคที่พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะพบมากในคนอายุ 20-40 ปี และ 50-70 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปัจจุบันมีแนวโน้มพบมะเร็งไทรอยด์ได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เหตุผลส่วนหนึ่งคือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยให้สามารถตรวจพบโรคตั้งแต่เริ่มก่อตัวเป็นมะเร็งขนาดเล็ก ๆ

มะเร็งไทรอยด์สามารถแบ่งเป็นหลายชนิด ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันไป ที่พบได้บ่อย ได้แก่

    มะเร็งไทรอยด์ชนิดแพพิลลารี (papillary) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด (ประมาณร้อย 70 ของมะเร็งไทรอยด์) พบมากในคนอายุ 20-40 ปี กับในวัยสูงอายุ และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2-3 เท่า ก้อนมะเร็งจะโตช้า และมีความรุนแรงน้อย หลังการรักษาด้วยการผ่าตัด จะมีโอกาสมีชีวิตยืนยาวหรือหายขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต่ำกว่า 2 ซม.
    มะเร็งไทรอยด์ชนิดฟอลลิคูลาร์ (follicular) ซึ่งพบได้ ประมาณร้อยละ 15 ของมะเร็งต่อมไทรอยด์ มักพบในผู้สูงอายุ จะมีความรุนแรงตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงมาก ถ้าเป็นชนิดรุนแรงมาก อาจลุกลามไปยังปอด กระดูกและสมอง และบางครั้งทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน

ส่วนอีก 2 ชนิดพบได้ค่อนข้างน้อย ได้แก่ ชนิดเมดุลลารี (medullary) และชนิดอะนาพลาสติก (anaplastic) จะมีความรุนแรงสูง ก้อนมะเร็งจะโตเร็วและแพร่กระจายง่าย พบมากในผู้สูงอายุ ชนิดเมดุลลารีอาจมีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นด้วย


สาเหตุ

ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ

ส่วนน้อยอาจเกิดจากการสัมผัสรังสี ซึ่งอาจพบในมะเร็งชนิดแพพิลลารี และฟอลลิคูลาร์ (เช่น ได้รับรังสีบำบัดที่บริเวณคอมาก่อน การรับรังสีจากอุบัติเหตุ) บางรายอาจสัมพันธ์กับปัจจัยทางกรรมพันธุ์ คือพบว่ามีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็งไทรอยด์ (เช่น กรณีที่เป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดเมดุลลารี)

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการคอพอก (คอโต) หรือเป็นปุ่มเนื้อของต่อมไทรอยด์ ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นก้อนแข็งชนิดเดี่ยว ๆ  ส่วนน้อยอาจเป็นหลายก้อน มักมีลักษณะติดแน่นกับเนื้อเยื่อโดยรอบ ขยับไปมาไม่ค่อยได้ และไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ยกเว้นในรายที่มีเลือดออกซึมเข้าไปในก้อนมะเร็ง อาจทำให้มีอาการเจ็บปวดคล้ายต่อมไทรอยด์อักเสบได้

บางรายอาจมีอาการเสียงแหบ กลืนลำบาก หรือมีต่อมน้ำเหลืองข้างคอโตร่วมด้วย

ในรายที่ก้อนโตเร็ว อาจโตกดท่อลมหรือหลอดอาหาร ทำให้หายใจลำบากหรือกลืนลำบาก

ต่อมไทรอยด์ของผู้ป่วยส่วนมากยังหลั่งฮอร์โมนได้ตามปกติ มักไม่มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินหรือภาวะขาดไทรอยด์

บางรายอาจไม่สังเกตเห็นความผิดปกติชัดเจน เนื่องจากก้อนมะเร็งมีขนาดเล็ก แต่แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพหรือผู้ป่วยไปพบแพทย์ด้วยโรคอื่น


ภาวะแทรกซ้อน

เซลล์มะเร็งอาจแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอและประจันอก (mediastinum) หรือแพร่ผ่านกระแสเลือดไปที่สมอง ตับ ปอด และกระดูก

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

คลำพบต่อมไทรอยด์โตเป็นปุ่มหรือก้อนแข็ง หรือมีลักษณะโตเร็ว หรือติดแน่นกับเนื้อเยื่อโดยรอบ บางรายอาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอโตร่วมด้วย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (T4, free T4) และฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ในเลือด การตรวจอัลตราซาวนด์ต่อมไทรอยด์ การตรวจสแกนต่อมไทรอยด์ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ต่อมไทรอยด์ การตรวจชิ้นเนื้อไทรอยด์โดยการใช้เข็มเจาะดูด (fine needle aspiration biopsy)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ และให้ฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อลดการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นไทรอยด์ (TSH) ซึ่งมีส่วนกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ในบางรายอาจต้องให้สารไอโอดีนกัมมันตรังสี (I131) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจหลงเหลือจากการผ่าตัด

ในรายที่เป็นชนิดรุนแรง หรือรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล แพทย์จะให้การรักษาด้วยรังสีบำบัด (การฉายรังสี) และ/หรือ เคมีบำบัด

ผลการรักษาขึ้นกับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค

สำหรับมะเร็งไทรอยด์ชนิดแพพิลลารี  ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด และมีความรุนแรงน้อย หลังการรักษาด้วยการผ่าตัด จะมีโอกาสมีชีวิตยืนยาวหรือหายขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต่ำกว่า 2 ซม.


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น คลำได้ก้อนไทรอยด์ หรือต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอ มีอาการเสียงแหบ หรือกลืนลำบากควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น น้ำหนักลด เจ็บคอ เสียงแหบ คอโตมากขึ้น มือจีบเกร็งหรือกล้ามเนื้อเป็นตะคริว
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดเมดุลลารี เช่น มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว แพทย์จะทำการตรวจสารพันธุกรรม ถ้าพบว่ามียีน (พันธุกรรม) ของมะเร็งชนิดนี้ แพทย์อาจทำการผ่าตัดไทรอยด์เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็ง


ข้อแนะนำ

1. ถ้าพบคอพอกมีลักษณะเป็นปุ่มหรือก้อนแข็ง เสียงแหบ กลืนลำบากหรือมีต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอโตร่วมด้วย ควรสงสัยว่าเป็นมะเร็งของไทรอยด์ และควรไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

2. มะเร็งไทรอยด์ส่วนใหญ่เป็นชนิดที่โตช้าและรุนแรงน้อย เมื่อได้รับการผ่าตัดร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ก็มักหายขาดหรือมีชีวิตยืนยาว

3. อาการต่อมไทรอยด์โตเป็นก้อนเฉพาะแห่ง (โดยส่วนอื่น ๆ ของต่อมไทรอยด์เป็นปกติ) มีเพียงส่วนน้อยที่อาจเป็นมะเร็ง ส่วนมากจะมีสาเหตุที่ไม่ร้ายแรง เช่น ถุงน้ำไทรอยด์ (thyroid cyst) ซึ่งจะมีลักษณะค่อนข้างนุ่ม หรืออาจเป็นเนื้องอกไทรอยด์ (thyroid adenoma) ซึ่งมีลักษณะไม่แข็งมาก บางชนิดอาจทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีก้อนที่คอ ควรแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ทุกราย และเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าไม่ใช่มะเร็ง ก็ขอให้สบายใจได้ การรักษาก้อนของต่อมไทรอยด์ที่ไม่ใช่มะเร็ง ถ้าก้อนขนาดเล็กอาจไม่ต้องทำอะไร ถ้าก้อนโตมากอาจต้องผ่าตัด

9
มอเตอร์โชว์ XPENG X9 ยอดจอง-ส่งมอบดีเยี่ยม ตอกย้ำยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค

หลังจาก XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ อัลตราสมาร์ท คูเป้ เอ็มพีวี หรูหราระดับเฟิร์สคลาส พวงมาลัยขวาลอตแรกของโลก จำนวน 300 คัน นำเข้าจากประเทศจีนมาถึงเมืองไทย เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียม-ไฮเทค เอ็กซ์เผิง อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ก็เดินเครื่องเต็มสูบเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปัจจุบัน XPENG X9 ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดส่งมอบลูกค้าไปแล้วกว่า 200 คัน ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ จากยอดจองสะสมที่ทะลุ 700 คัน ในขณะที่ยังมียอดจองเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมของ X9


Xpeng G6 ทำไมฉลาดขนาดนี้! รถไฟฟ้างบ 1 ล้านกลาง ๆ จอดเองได้โดยไม่ต้องมีคนขับ! กูรูช้าง พาเจาะลึกออปชั่นสุดล้ำ

XPENG G6 รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมขนาดใหญ่เทคโนโลยีเต็มคัน ขุมพลังแรง แถมฉลาดขนาดนี้ ในงบ 1 ล้านกลาง ๆ จอดเองได้โดยไม่ต้องมีคนขับ! นำเข้าโดย เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย XPENG อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย Standard Range ราคา 1,439,000 บาท และ Long Range ราคา 1,599,000 บาท ในครั้งนี้ กูรูช้าง-สินธนุ จำปีศรี จะมาพูดให้ฟังว่า รถอะไรทำไมฉลาดขนาดนี้! และยังจะพาเจาะลึกออปชั่นสุดล้ำ
 

Xpeng X9 รถเอ็มพีวีไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ พร้อมจัดเต็มระบบ AI ล้ำสมัย เคาะราคาแล้วในงาน Motor Expo 2024 ที่ 2,790,000 บาท
ชมคันจริง Xpeng G6 ท้าชน Tesla เปิดราคาเริ่มต้น 1.439 ล้านบาท!!!!
 
ดีไซน์ล้ำสมัยและภายในที่หรูหรา

XPENG G6 มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ผสมผสานความล้ำสมัยด้วยไฟหน้าแบบ LED และเส้นสายที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ด้านในตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่ช่วยให้การควบคุมเป็นไปอย่างสะดวกสบาย

เทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ
XPENG G6 มาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่ขั้นสูงมากมาย เช่น
XPILOT ระบบช่วยขับอัตโนมัติที่รองรับการขับขี่บนทางหลวงและในเมือง
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ทำให้การเข้าจอดง่ายและปลอดภัย
กล้องและเซ็นเซอร์รอบคัน เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่และลดความเสี่ยงในการชน
สมรรถนะทรงพลังและช่วงการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
XPENG G6 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง (ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ทุกรุ่นย่อย) ให้การเร่งความเร็วที่ตอบสนองได้ดี พร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงที่ให้ระยะทางขับขี่มากกว่า 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางไกล ดังนี้

รุ่น standard Range
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V Technology (LFP) ขนาด 66 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.9 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 200 km/h
วิ่งระยะทางสูงสุด 505 km. (NEDC)

รุ่น Long Range
มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 285 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 800V Technology (NMC) ขนาด 87.5 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง
อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 6.7 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 200 km/h
วิ่งระยะทางสูงสุด 625 km. (NECD)
ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ทุกรุ่นย่อย
ระบบกันสะเทือนและการขับขี่ที่นุ่มนวล
XPENG G6 มาพร้อมกับ ระบบกันสะเทือนถุงลมอัจฉริยะ ที่สามารถปรับระดับได้ ทำให้การขับขี่ราบรื่นแม้บนถนนที่ขรุขระ นอกจากนี้ยังมีโหมดขับขี่ที่หลากหลาย ให้ผู้ขับสามารถเลือกได้ตามสภาพถนนและความต้องการ
 
ฟังก์ชันความบันเทิงและการเชื่อมต่อ
XPENG G6 รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายผ่านจอสัมผัสขนาดใหญ่ รวมถึงรองรับคำสั่งเสียงอัจฉริยะเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่

สรุป Xpeng G6 โดย กูรูช้าง
XPeng G6 คันที่ กูรูช้าง ได้นำมาขับในครั้งนี้นั้นเป็นรุ่น Long Range ราคา 1,599,000 บาท เป็นรถที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเรื่องไซด์ใหญ่โตสมรรถนะเกินตัวเทคโนโลยีเยอะขับง่าย ยิ่งระบบสั่งจอดรถระยะไกลด้วยแอปฯ Xpeng ให้เลื่อนเข้า-ออก ที่จอดแคบๆ  หรือระบบช่วยจอดก็สุดล้ำ วัสดุภายในค่อนข้างพรีเมียมโดยเฉพาะรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ใหญ่วิ่งได้ไกล ด้วยราคา 1.599 ล้านบาท ไม่นับว่าเกินตัวเลย ตอบโจทย์ได้ทั้งการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะไกล หากคุณกำลังมองหารถ EV ที่มาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย XPENG G6 ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

10
จัดฟันบางนา: เผย 4 เคล็ดลับ ป้องกันปัญหาสุขภาพเหงือก

เชื่อว่าหลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัญหาสุขภาพเหงือก เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ควรนิ่งเฉยปล่อยไว้หากว่ากำลังเป็นโรคเกี่ยวกับเหงือก เนื่องจากว่าโรคต่างๆเกี่ยวกับเหงือก มักจะส่งผลเสียที่รุนแรงและลุกลามได้รวดเร็วหากไม่ได้รับการรักษา โดยปกแล้วปัญหาสุขภาพเหงือกมักจะเกิดขึ้นจากการที่มีเชื้อแบคทีเรียในช่องปากมาสะสมจนกลายเป็นคราบ โดยคราบเชื้อโรคเหล่านี้มักจะเกาะบนเหงือกและฟัน ซึ่งหากว่าไม่รีบรักษาหรือดูแลให้ดี เหงือกและฟันของคุณอาจตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงได้

แต่เหตุใดทำไมเราถึงต้องรอให้เป็นก่อน ซึ่งวันนี้ผู้รอบรู้เรื่องทันตกรรม จะขอพาคุณผู้อ่านมารู้จักเคล็ดลับ วิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพเหงือก ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้
.
เคล็ดลับป้องกันปัญหาสุขภาพเหงือก !

1.    ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของคุณ

อย่างที่ทราบกันดี โดยส่วนใหญ่สุขภาพเหงือกและฟันจะมีปัญหามักเกิดจากการที่เรานั้นละเลยการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปาก หากว่าสังเกตเห็นต้นเหตุของโรคเหงือก หรือว่าเป็นโรคเหงือกในระยะเริ่มต้น ทางที่ดีที่สุดคือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลความสะอาดช่องปาก โดยพยายามแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารหรือของว่าง ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังจากที่แปรงฟันเสร็จ และควรบ้วนน้ำด้วยน้ำยาบ้วนปากสตรูแอนตี้แบคทีเรียหลังใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 ครั้ง ก็จะสามารถช่วยป้องกัน หรือกำจัดปัญหาสุขภาพเหงือกเบื้อต้นได้

2.    ทำความสะอาดช่องปากทุกซอกมุม

หากว่าทำตามข้อหนึ่งที่กล่าวมาได้แล้วอย่างเคร่งครัด หรือมั่นใจมากแล้วว่าดูแลสุขภาพช่องปากเป็นอย่างดี แต่เหตุใดปัญหาสุขภาพเหงือกถึงยังมีอยู่ เชื่อว่าหลายๆคนสงสัย อาจเนื่องมาจากว่าดูแลความสะอาดช้าเกินไป ทำให้คราบเศษอาหาร หรือเชื้อโรคต่างๆ สะสมเกาะแน่นจนกลายเป็นคราบหินปูนที่แข็งเกินกว่าจะทำความสะอาดเองได้นั่นเอง ซึ่งคราบหินปูนเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้เหงือกและฟันมีปัญหาได้ด้วยเช่นกัน ทางที่ดีหากว่าพบคราบหินปูน ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการกำจัดซะ เพียงเท่านี้ปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันที่ยากจะดูแลรักษาก็จะหายไปได้อย่างรวดเร็ว


3.    เสริมสร้างการรักษาด้วยยา

หากว่าทำตามที่ผ่านมาแล้ว คุณยังเจอกับปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเหงือกและฟันอยู่ อาจจะมีสัญญาณเลือดออกตามไรฟันในขณะแปรงฟัน หรือเหงือกมีอาการบวมแดง สิ่งที่ต้องทำนอกจากรักษาความสะอาดเหมือนเดิมคือ รีบเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อไม่ให้ปัญหากระจายตัวไปในส่วนอื่นๆ ซึ่งทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวินิจฉัยอย่างละเอียด และเลือกรักษาตามอาการที่กำลังเป็นอยู่ โดยจะมีตั้งแต่ เจลเฉพาะจุด ที่จะให้คุณนำไปทาในช่องว่างระหว่างเหงือกและฟันที่มีอาการหรือสัญญาณเตือน ไปจนถึงน้ำยาบ้วนปากที่ทางทันตแพทย์แนะนำเป็นพิเศษ


4.    ให้มืออาชีพจัดการ

ข้อนี้ถือว่าเป็นไม้สุดท้ายในการจัดการป้องกันเหงือกที่กำลังจะติดเชื้อ หรือว่าได้ติดเชื้อแล้ว โดยหากว่ามีสัญญาณเกี่ยวกับเหงือก หรือมีอาการปวดบวม อย่างนิ่งนอนใจเด็ดขาด คุณควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อให้ทำการวินิจฉัย และแก้ปัญหาทีละขั้นตอน ไปทีละจุด อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลจากทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด การเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างเคร่งครัดจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพราะบางปัญหาเราอาจจะรู้เมื่อสายไปเสียแล้ว

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นการจัดการกับโรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นกับเหงือกและฟันเบื้อต้น ซึ่งคุณสามารถอ่านแล้วลองนำไปใช้ได้ แต่สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการดูแลความสะอาดช่องปากอย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญอีกอย่างที่คนส่วนใหญ่มักละเลยนั่นก็คือ การเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เป็นอย่างน้อย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะเลือกไปพบทันตแพทย์เมื่อเกิดโรครุนแรงจนทนไม่ได้ หากไปช้า บางทีอาจจะสายเกินการแก้ไข อาจจะทำให้คุณต้องสูญเสียฟันแท้ไปอย่างถาวร

แม้เพียงปัญหาเล็กๆน้อยๆ หากสังเกตเห็นควรพบทันตแพทย์โดยด่วน นอกจากจะเป็นการรักษาความปลอดภัยแล้ว หากว่าโรคร้ายต่างๆเป็นแค่ขั้นเริ่มต้นก็จะสามารถรักษาได้ง่ายและไม่สิ้นเปลืองนั่นเอง

11
เทคนิคเลือกฉนวนกันความร้อน โรงงานแบบง่าย ๆ แต่ได้คุณภาพ

การวางแผนติดตั้ง ฉนวนกันความร้อนโรงงาน นั้น ถือเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทุกคนจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะต้องใช้งบประมาณสูง และมีขั้นตอนระยะเวลาในการติดตั้ง ซึ่งหากเลือกฉนวนกันความร้อนผิด ตัดสินใจใช้งาน ฉนวนกันความร้อนโรงงาน ที่ไม่มีคุณภาพดีมากพอ นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้ว ก็ยังต้องเสียเวลา เสียงบประมาณในการรื้อถอนติดตั้งใหม่อีก

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกฉนวนกันความร้อนเพื่อใช้ในโรงงานของตัวเอง จึงต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน ให้ได้ฉนวนที่มีคุณภาพ ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถเลือกฉนวนที่มีคุณภาพดีได้แน่นอน ดังต่อไปนี้


1.พิจารณาค่า R ของฉนวนกันความร้อนโรงงาน

ฉนวนกันความร้อนที่ดี คือ ฉนวนที่มีความสามารถในการกันความร้อนที่สูง ยิ่งกันความร้อนได้สูงเท่าไร ก็ถือว่าเป็นฉนวนที่มีคุณภาพมากเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ววิธีการดูความสามารถในการกันความร้อนของฉนวนง่าย ๆ คือ ดูที่ค่า R หรือค่าต้านทานความร้อน ซึ่งมักจะระบุไว้ที่ตัวฉนวน ที่กล่องหรือคำอธิบายของผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้ค่า R นี้เป็นตัวเปรียบเทียบตัวเลือกฉนวนกันความร้อนได้เลยว่า ฉนวนกันความร้อนแบรนด์ไหนดีกว่ากัน


2.สังเกตความหนาของฉนวนกันความร้อนโรงงาน

จุดสังเกตอีกข้อหนึ่งที่ชัดเจนและดูได้ง่ายที่สุดของการเลือกฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพก็คือ “ความหนาของฉนวน” การที่ฉนวนกันความร้อนจะมีค่า R ที่สูง ที่ทำให้มีความสามารถในการกันความร้อนได้ดีนั้น ฉนวนกันความร้อนนั้นจะมีความหนามากกว่าฉนวนทั่วไป กล่าวคือ ยิ่งฉนวนบางยิ่งกันความร้อนได้น้อย ยิ่งฉนวนหนายิ่งกันความร้อนได้มากนั่นเอง


3.เป็นฉนวนกันความร้อนโรงงานที่ไม่ลามไฟ

ฉนวนกันความร้อนที่ใช้ภายในโรงงานั้น จะต้องอยู่ใกล้กับเครื่องจักร ใกล้กับพื้นที่อุณหภูมิความร้อนสูง ดังนั้น คุณสมบัติไม่ลามไฟ จึงเป็นอีกจุดสำคัญที่ควรมีในฉนวนที่เลือกใช้ เพื่อป้องกันความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุ เกิดอัคคีภัยขึ้น ไม่ให้ไฟลุกลามจนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โดยการสังเกตว่าฉนวนกันความร้อนใดที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟนั้น สามารถทำได้ด้วยการมองหาสัญลักษณ์ หรือข้อความผ่านมาตรฐาน ASTM E84 และ BS476 หากเห็นฉนวนกันความร้อนใดมีข้อความมาตรฐานตามนี้ล่ะก็ แสดงว่าฉนวนนั้นไม่ลามไฟ และเหมาะใช้กับทุกพื้นที่ภายในโรงงานอุตสาหกรรม


4.เลือกฉนวนกันความร้อนโรงงานที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ

อายุการใช้งานของฉนวนกันความร้อนนั้นส่วนใหญ่จะใช้กันนานเป็นสิบ ๆ ปี และฉนวนกันความร้อนจะติดอยู่ในพื้นที่โรงงาน อยู่รายล้อมการทำงานของพนักงานทุกวัน ซึ่งการที่ฉนวนถูกความร้อนนั้น ย่อมมีโอกาสทำให้ฉนวนระเหยเอาสารเคมี เอาฝุ่นจากเนื้อฉนวนปะปนมาในอากาศ ซึ่งหากฉนวนกันความร้อนมีสารเคมี หรือมีสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ก็จะถือว่าเป็นอันตรายได้

ดังนั้น คุณสมบัติของหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญกับการเลือกฉนวนกันความร้อน คือ เลือกที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมด้วย


4 เทคนิคที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นแนวทางในการคัดเลือกฉนวนกันความร้อนโรงงานแบบง่าย ๆ ที่ผู้ประกอบการทุกคนสามารถทำได้ แม้จะไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่ก็การันตีได้ว่า ถ้าเลือกตามกรอบแนวทางนี้ จะได้ฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกฉนวนก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญคือ ต้องติดตั้งอย่างถูกต้องด้วย ไม่เช่นนั้นต่อให้ฉนวนดีแค่ไหน แต่ติดตั้งไม่ถูกไม่ดี ไม่มีการวางแผนที่เหมาะกับพื้นที่ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความร้อนได้

12
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ


13
หมอประจำบ้าน: ภาวะตั้งครรภ์ (Pregnancy) แพ้ท้อง (Morning sickness)

ภาวะตั้งครรภ์ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของผู้ที่ตั้งครรภ์อย่างมากมาย เกิดภาวะเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่ต้องให้การดูแลรักษาเพื่อให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย

ประมาณ 3 ใน 4 คน อาจมีอาการแพ้ท้องไม่มากก็น้อย ซึ่งจะเป็นมากในช่วงสัปดาห์ที่ 5-6 ของการตั้งครรภ์ และจะเป็นอยู่จนกระทั่งสัปดาห์ที่ 14-16 หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง

สาเหตุ

ภาวะตั้งครรภ์ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโตขึ้นของมดลูกตามอายุครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนหลายชนิดที่รกสร้าง และการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่พบร่วมกันในหญิงตั้งครรภ์ และอาจทำให้เกิดโรคและภาวะผิดปกติในหญิงตั้งครรภ์บางราย

แพ้ท้อง สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเป็นผลมาจากร่างกายมีระดับเอสโทรเจนและฮอร์โมนเอชซีจี (human chorionic gonadotropin/HCG ที่รกสร้าง) สูง นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์กับภาวะจิตใจและอารมณ์ ซึ่งพบว่าผู้ที่มีอารมณ์อ่อนไหว เครียด วิตกกังวล จะมีอาการแพ้ท้องได้มาก

ผู้ที่เคยมีอาการแพ้มาก่อน หรือผู้ที่เคยมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนจากโรคไมเกรน จากการได้กลิ่นหรือรสอาหารบางอย่าง หรือจากการใช้ยาเอสโทรเจน (เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด) มีโอกาสเกิดอาการแพ้ท้องได้มากกว่าคนปกติทั่วไป

ผู้หญิงที่มีครรภ์แฝด หรือครรภ์ไข่ปลาอุก อาจมีอาการแพ้ท้องรุนแรง เรียกว่า “ภาวะแพ้ท้องอย่างแรง (hyperemesis gravidarum)” เชื่อว่าสัมพันธ์กับระดับเอชซีจีที่สูง นอกจากนี้ภาวะแพ้ท้องอย่างแรงยังอาจพบในผู้ที่มีประวัติเคยมีภาวะนี้ในครรภ์ก่อน ๆ หรือมีประวัติคนในครอบครัวมีภาวะนี้

อาการ

ระยะแรกเริ่มมักมีอาการอ่อนเพลีย เต้านมคัดและเจ็บ ปัสสาวะบ่อย และอาจมีอาการเบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น ร่วมกับมีประวัติขาดประจำเดือนหรือประจำเดือนเลยกำหนดเป็นสัปดาห์

ส่วนผู้ที่มีอาการแพ้ท้อง มักมีอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอม บางครั้งอาเจียน ส่วนใหญ่มักเป็นมากตอนเช้าหลังตื่นนอน แต่ก็อาจมีอาการในช่วงกลางวันและตอนเย็นก็ได้ ผู้ป่วยมักมีความรู้สึกไม่ชอบกลิ่นอาหาร (เช่น กาแฟ เนื้อ) กลิ่นน้ำหอมที่เคยชอบกลับไม่ชอบ อยากกินของเปรี้ยว เช่น มะม่วง มะกอก มะดัน

เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น จะมีอาการท้องโต (ท้องป่อง) และอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

อาการเปลี่ยนแปลงของหญิงตั้งครรภ์
ผู้หญิงตั้งครรภ์มักมีอาการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้

    รู้สึกอ่อนเพลีย ซึ่งพบในไตรมาสแรก (เนื่องจากปริมาตรของเลือดเพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น) หลังจากนั้นจะทุเลาไป และกลับมีอาการอ่อนเพลียเมื่อย่างเข้าไตรมาสที่ 3 เนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากขึ้น
    รู้สึกอยากนอน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน รวมทั้งนอนไม่พอเนื่องจากเด็กดิ้น และต้องตื่นขึ้นปัสสาวะบ่อย
    เต้านมคัดและเจ็บ เนื่องจากการขยายของเต้านมจากอิทธิพลของฮอร์โมนเอสโทรเจน ลานหัวนมจะขยายออกและมีสีคล้ำขึ้น และจะมีนมน้ำเหลือง (colostrum) ไหลจากหัวนมเวลาบีบ
    มดลูกค่อย ๆ โตขึ้น จนเห็นท้องป่องเมื่ออายุครรภ์ได้ 12 สัปดาห์ โตขึ้นระดับสะดือเมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ และถึงระดับใต้ลิ้นปี่เมื่ออายุครรภ์ 36 สัปดาห์ มดลูกที่โตขึ้นจะกดทางเดินอาหารและทางเดินปัสสาวะให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา
    ตกขาว ออกเป็นเมือกใสหรือสีขาว และมีปริมาณมากขึ้น ซึ่งถือเป็นภาวะปกติ ถ้าออกเป็นสีเหลืองสีเขียว มีกลิ่น หรือแสบคันในช่องคลอด ถือว่าผิดปกติ
    หัวใจทำงานหนักขึ้นเนื่องจากปริมาตรของเลือดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชีพจรเต้นเร็ว (เพิ่มจาก 70 ครั้ง/นาที เป็น 80-90 ครั้ง/นาที) ผู้ป่วยอาจรู้สึกใจสั่น ชีพจรอาจเต้นไม่สม่ำเสมอเป็นบางครั้ง การฟังเสียงหัวใจอาจมีเสียงฟู่ (murmur) ซึ่งถือว่าเป็นภาวะปกติ แต่ควรแยกออกจากภาวะผิดปกติของหัวใจ
    มีอาการคัดจมูก นอนกรน เลือดกำเดาไหล มีเสียงดังในหูหรือหูอื้อ (จากท่อยูสเตเชียนบวม) เนื่องจากเยื่อเมือกบวมเพราะมีเลือดไปคั่งมากขึ้น
    หายใจเร็วและลึกขึ้น เนื่องจากโพรเจสเทอโรนกระตุ้นให้สมองสั่งให้ร่างกายขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มีระดับต่ำในเลือด
    เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม เนื่องจากการขยายตัวของหลอดเลือด (ทำให้ความดันโลหิตต่ำ) ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รวมทั้งภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาจพบในผู้ป่วยบางราย
    คลื่นไส้ พะอืดพะอม บางครั้งอาเจียน
    แสบลิ้นปี่จากโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากกล้ามเนื้อหูรูดส่วนปลายหลอดอาหารหย่อนคลาย (เนื่องจากฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน) และการดันของมดลูก พบได้บ่อยในช่วงไตรมาสที่ 3
    ท้องผูก เนื่องจากอิทธิพลของโพรเจสเทอโรน ร่วมกับการกดของมดลูกต่อลำไส้ใหญ่
    ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากไตขับปัสสาวะมากขึ้น ร่วมกับมดลูกกดกระเพาะปัสสาวะ (ในช่วงไตรมาสแรก) และศีรษะทารกกดกระเพาะปัสสาวะ (ในช่วงใกล้คลอด) ทำให้มีความจุลดลง จึงเกิดอาการปวดถ่ายปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลาเข้านอนตอนกลางคืน จะพบในช่วงไตรมาสแรกและช่วงใกล้คลอด
    เท้าบวม หลอดเลือดขอดที่ขาและช่องคลอด และริดสีดวงทวาร เนื่องจากมดลูกกดท่อเลือดดำในช่องท้อง ทำให้เลือดดำจากเท้าและบริเวณเชิงกรานไหลกลับเข้าสู่หัวใจไม่ได้
    มีฝ้าหรือปื้นสีน้ำตาลขึ้นที่หน้าผาก โหนกแก้มและคอ ผิวหนังที่หน้าท้องออกแดงและแตกเป็นรอย (บางครั้งพบที่บริเวณหน้าขาและเต้านม) และตรงกลางของบริเวณหน้าท้อง มีเส้นสีน้ำตาลดำ เชื่อว่าเกิดจากรกสร้างฮอร์โมนกระตุ้นเซลล์เม็ดสี (melanocyte stimulating hormone) ให้สร้างเม็ดสี (melanin) มากขึ้น
    จุดแดงรูปแมงมุม (spider nevi) เนื่องจากการพองตัวของหลอดเลือดฝอย พบที่บริเวณหน้าท้อง หน้าอก จมูก
    ปวดหลังส่วนล่าง เนื่องจากกระดูกสันหลังแอ่นมากขึ้น เพื่อปรับความสมดุลของร่างกายจากการโตขึ้นของมดลูก
    น้ำหนักตัวค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยประมาณดังนี้ อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ 650 กรัม 20 สัปดาห์ 4 กก. 30 สัปดาห์ 8.5 กก. และ 40 สัปดาห์ 12.5 กก.

ภาวะแทรกซ้อน

การตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายลักษณะจากสาเหตุต่าง ๆ (อ่านเพิ่มเติมที่ "ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์” ด้านล่าง)

หญิงตั้งครรภ์ประมาณ 1 คน ใน 500 คน อาจมีภาวะแพ้ท้องอย่างแรง (hyperemesis gravidarum) ซึ่งจะมีอาการอาเจียนรุนแรงจนกินได้น้อย อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ, ภาวะเลือดเป็นกรด, น้ำหนักลด และขาดสารอาหารได้ (ซึ่งอาจส่งผลให้ทารกตัวเล็ก และขาดสารอาหารได้), ทารกคลอดก่อนกำหนดหรือแท้งบุตร, มารดามีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน, อาจทำให้หญิงตั้งครรภ์เกิดภาวะเซลล์ตับตาย (necrosis) และมีภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver) ซึ่งทำให้เกิดอาการดีซ่าน, อาจทำให้หญิงตั้งครรภ์มีภาวะหลอดอาหารทะลุ หรือปอดทะลุ, ไตวาย, ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด หรือภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอด

ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่อาจพบได้ในรายที่มีอาการแพ้ท้องอย่างแรงอีกประการหนึ่งก็คือ อาจทำให้จอตาอักเสบและมีเลือดออก (hemorrhagic retinitis) ทำให้ตาบอดได้ ถ้าพบจำเป็นต้องรีบยุติการตั้งครรภ์

ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์

    จากการโตขึ้นของมดลูก อาจทำให้เกิดผล เช่น การกีดขวางการไหลกลับของเลือดดำจากเท้าและบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดหลอดเลือดขอดที่ขา และช่องคลอด ริดสีดวงทวาร เท้าบวม การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ การดันกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน
    จากภาวะขาดสารอาหารที่ร่างกายมีความต้องการมากขึ้นขณะตั้งครรภ์ เช่น โลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ความผิดปกติโดยกำเนิดของระบบประสาทและสมอง (เช่น ภาวะไม่มีสมอง ความผิดปกติของไขสันหลังหรือ spina bifida) จากภาวะขาดกรดโฟลิก
    จากภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่หลั่งจากรก อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และโรคเบาหวานที่เป็นอยู่เดิมกำเริบมากขึ้น
    ความผิดปกติจากการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ แท้งบุตร ครรภ์นอกมดลูก ครรภ์ไข่ปลาอุก รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด
    ขณะตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดโรคบางชนิดได้บ่อยกว่าคนทั่วไป เช่น โรคกรดไหลย้อน อัมพาตเบลล์ เส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากการตั้งครรภ์ (pregnancy-induced hypertension) ซึ่งจะลดลงเป็นปกติหลังคลอด เป็นต้น และโรคที่เคยเป็นอยู่ก่อนตั้งครรภ์มีอาการกำเริบมากขึ้น เช่น หืด ริดสีดวงทวาร ไมแอสทีเนียเกรวิส ไอทีพี

โรคติดเชื้อบางชนิดอาจเป็นรุนแรง เช่น ปอดอักเสบจากไข้หวัดใหญ่ หรืออีสุกอีใส

โรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เอสแอลอี เป็นต้น มีอาการเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนอาจมีอาการกำเริบขณะตั้งครรภ์ หรือทุเลาขณะตั้งครรภ์ แต่หลังคลอดก็จะกำเริบทันที

    ภาวะแทรกซ้อนต่อทารกในครรภ์ อาจทำให้แท้งบุตร ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกเสียชีวิต พิการ หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคที่มารดาเป็นขณะตั้งครรภ์ เช่น คอพอกจากภาวะขาดไอโอดีน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เอสแอลอี โรคลมชัก โรคหัดเยอรมัน อีสุกอีใส ซิฟิลิส มาลาเรีย เป็นต้น

นอกจากนี้อาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา บริโภคแอลกอฮอล์ บุหรี่ หรือสารเสพติด

    ภาวะแทรกซ้อนจากการคลอด ได้แก่ การคลอดยากเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ (เช่น ทารกตัวโต หรืออุ้งเชิงกรานมีขนาดเล็ก ทารกท่าก้น ทารกท่าขวาง ทารกแฝดหลายคน มารดาอายุมาก เป็นต้น) มารดามีส่วนสูง < 150 ซม. ภาวะตกเลือดหลังคลอด โรคชีแฮน
    ภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver) ซึ่งพบได้น้อยมากในระยะท้ายของการตั้งครรภ์ ภาวะนี้เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน และอาจเกิดภาวะตับวายได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกเริ่มอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน หากสงสัยควรทำการตรวจปัสสาวะ โดยชุดตรวจปัสสาวะสำเร็จรูป ซึ่งมักจะให้ผลบวกในรายที่มีการตั้งครรภ์ หากครั้งแรกให้ผลลบ ควรตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์

เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นจะพบอาการท้องป่อง เต้านมคัด ลานหัวนมมีสีคล้ำ ฝ้าขึ้น หน้าท้องออกแดงและแตกเป็นลาย จุดแดงรูปแมงมุม เท้าบวม หลอดเลือดขอดที่ขา การตรวจพบการเต้นของหัวใจทารก การคลำได้ส่วนต่าง ๆ ของทารก

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยทำการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ชุดตรวจปัสสาวะสำเร็จรูป หากตรวจ 2 ครั้งแล้วให้ผลลบ อาจต้องส่งตรวจหาระดับฮอร์โมนเอชซีจีในเลือด ซึ่งให้ผลแน่นอนกว่าและสามารถตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้
1. ตรวจเช็กสุขภาพทั่วไปของมารดาและทารกในครรภ์ ประเมินอายุครรภ์* และความเสี่ยง โดยการซักประวัติตรวจร่างกายอย่างละเอียด และทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจระดับความเข้มข้นของเลือด รวมทั้งขนาดและลักษณะของเม็ดเลือดแดง กลุ่มเลือด (ABO และ Rh) ตรวจกรองโรคเบาหวาน (ดู "โรคเบาหวาน" เพิ่มเติม) โรคติดเชื้อ (เช่น ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี เอดส์ หัดเยอรมัน เป็นต้น) ทาลัสซีเมีย

บางรายแพทย์อาจทำการตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อดูลักษณะและความผิดปกติของทารกในครรภ์

2. ให้การดูแลภาวะเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ให้ยาบำรุงโลหิต ในรายที่มีภาวะโลหิตจาง ให้ยาควบคุมความดันโลหิตสูง เบาหวาน เอดส์ เป็นต้น

ถ้าพบว่ามีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น แท้งบุตร รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด ครรภ์เป็นพิษ ครรภ์ไข่ปลาอุก เป็นต้น ก็ให้การดูแลรักษาให้ปลอดภัย บางกรณีอาจจำเป็นต้องรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล

3. แพทย์จะให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และการดูแลตนเองสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ท้อง
โดยทั่วไปผู้ป่วยมักจะมีอาการแพ้ท้องอยู่นาน 14-16 สัปดาห์ แล้วทุเลาไปได้เอง

ในรายที่มีอาการอาเจียนมากจนกินอาหารไม่ได้ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้อาเจียน เช่น ไดเฟนไฮดรามีน ไดเมนไฮดริเนต หรือดอมเพอริโดน

ในรายที่มีอาการอาเจียนรุนแรงและต่อเนื่อง มีภาวะขาดน้ำ ภาวะเลือดเป็นกรด (มีอาการหายใจหอบลึก) ขาดสารอาหาร ตาพร่ามัวซึ่งเกิดขึ้นฉับพลัน หรือดีซ่าน หรือสงสัยเป็นอาการแพ้ท้องอย่างแรง แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล มักจะต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และให้อาหารทางสายยางหรือหลอดเลือด ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอาจต้องทำการยุติการตั้งครรภ์เพื่อป้องกันมิให้มารดาได้รับอันตราย

4. ให้ยาบำรุงโลหิต เช่น เฟอร์รัสฟูมาเรต 200 มก./วัน เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจาง ในรายที่กินอาหารได้น้อย ควรให้วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เสริม

5. ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก (ดู "โรคบาดทะยัก" เพิ่มเติม)

ภาวะครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง

    มารดาอายุ ≤ 15 ปี อาจเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษ และทารกน้ำหนักน้อย
    มารดาอายุ ≥ 35 ปี อาจเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus) ภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด
    น้ำหนักตัวมารดา < 40 กก. มักจะคลอดบุตรน้ำหนักน้อย
    น้ำหนักตัวมารดามากกว่าปกติ อาจเสี่ยงต่อโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ ทารกตัวโตและคลอดยาก
    มารดามีส่วนสูง < 150 ซม. อาจเสี่ยงต่อการคลอดยาก ทารกคลอดก่อนกำหนด
    มารดามีอาชีพที่สัมผัสสารเคมี รังสี หรือโรคติดเชื้อ เสี่ยงต่อทารกพิการ
    มารดามีโรคหรือภาวะผิดปกติ เช่น โลหิตจาง เบาหวาน ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคไต โรคลมชัก เอสแอลอี โรคติดเชื้อ (ซิฟิลิส เอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน อีสุกอีใส) อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในมารดาและทารก

อาการที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ/รีบไปพบแพทย์

    ปวดศีรษะอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรง
    คลื่นไส้ อาเจียนอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรง
    เวียนศีรษะหน้ามืด
    ตามัว หรือสายตาผิดปกติ
    ปวดท้องน้อย
    มดลูกบีบตัว
    เลือดออกทางช่องคลอด
    น้ำคร่ำรั่ว (มีน้ำใส ๆ ออกทางช่องคลอด)
    มือหรือเท้าบวม
    ปัสสาวะออกมากหรือน้อยกว่าปกติ
    มีการติดเชื้อหรือการเจ็บป่วยอื่น ๆ
    ทารกที่เคยดิ้นแล้วไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง

*คำนวณวันกำหนดคลอด (expected date of confinement/EDC) = วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP) + 9 เดือน + 7 วัน เช่น LPM คือ 20 มีนาคม 2550 วันกำหนดคลอด คือวันที่ 27 ธันวาคม 2550 ประมาณร้อยละ 90 จะมีการคลอดจริงภายใน 2 สัปดาห์ก่อนหรือหลังวันกำหนดคลอดที่คำนวณได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัยตั้งครรภ์ (เช่นประจำเดือนขาด) หรือมีอาการแพ้ท้อง (เช่น คลื่นไส้ อาเจียนบ่อย) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าตั้งครรภ์หรือแพ้ท้อง ควรรักษา กินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ท้อง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดื่มนมหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ หลังตื่นนอน พร้อมกับกินขนมขบเคี้ยวที่ไม่หวาน (เช่น ขนมปังกรอบ บิสกิต) แล้วควรนอนพักสัก 15 นาทีก่อนลุกจากเตียง เพื่อไม่ให้ท้องว่าง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
    กินอาหารที่ย่อยง่าย ควรกินอาหารที่ยังอุ่น ๆ แบ่งเป็นมื้อย่อย ๆ วันละ 5-6 มื้อ
    หลีกเลี่ยงอาหารมัน ของทอด อาหารรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด ของหมักดอง รวมทั้งอาหารและกลิ่นที่กระตุ้นให้รู้สึกคลื่นไส้มากขึ้น
    ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยการจิบน้ำทีละน้อยแต่บ่อย ๆ
    เมื่อรู้สึกคลื่นไส้ จิบน้ำอุ่น หรือดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ
    ถ้าแพ้ท้องมาก กินอะไรออกหมด ให้อมลูกอมบ่อย ๆ จิบน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ทีละน้อยบ่อย ๆเพื่อให้พลังงานและป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
    หลังอาเจียน ควรดื่มน้ำอุ่น ๆ และกลั้วคอล้างกลิ่นที่อาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอม
    นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หาอะไรทำเพลิน ๆ เพื่อคลายเครียดและลืมความรู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอม
    อยู่ในที่ ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก และหมั่นเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้านทุกวัน


สำหรับหญิงตั้งครรภ์ทุกท่านทั้งที่มีและไม่มีอาการแพ้ท้อง ควรปฏิบัติตัวดังนี้

    กินอาหารพวกโปรตีน (เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเหลือง เต้าหู้) อาหารที่มีธาตุเหล็ก (เช่น ตับ เครื่องในสัตว์ นม ไข่) แคลเซียม (เช่น นม เต้าหู้ก้อนแข็ง ยาเม็ดแคลเซียม) ผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    งดแอลกอฮอล์ (อาจทำให้ทารกพิการหรือปัญญาอ่อน) และบุหรี่ (อาจทำให้ทารกตัวเล็กคลอดก่อนกำหนด หรือแท้ง)
    อย่าซื้อยาใช้เอง เพราะอาจได้รับยาที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ (ดูเพิ่มเติมในข้อ "ควรระวังในการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์")
    ทำงานและกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถออกกำลังกายได้ แต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไป
    พักผ่อนนอนหลับให้มากขึ้น เมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นควรนอนตะแคง หลีกเลี่ยงการนอนหงาย เพราะมดลูกอาจกดหลอดเลือดใหญ่และท่อเลือดดำได้
    ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป ในรายที่เต้านมใหญ่ควรเปลี่ยนเสื้อชั้นในที่สามารถประคองเต้านม
    หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง เพราะอาจทำให้ปวดหลังได้ง่าย
    สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนกระทั่งประมาณ 4 สัปดาห์ก่อนวันกำหนดคลอด โดยหลีกเลี่ยงท่าที่ฝ่ายชายทาบทับที่ท้องโดยตรง ถ้ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหรือเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดควรงดการมีเพศสัมพันธ์
    ควรฝากครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งคลอด โดยทั่วไปก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ จะนัดตรวจทุก 4 สัปดาห์ อายุครรภ์ 28-38 สัปดาห์ จะนัดตรวจทุก 2 สัปดาห์ และอายุครรภ์ 38 สัปดาห์ขึ้นไปจะนัดตรวจทุก 1 สัปดาห์
    ถ้าหากมีอาการผิดปกติ ควรรีบกลับไปแจ้งให้แพทย์ทราบ (อ่านเพิ่มเติมที่ “อาการที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ” หัวข้อการรักษาโดยแพทย์ ด้านบน)
    ในระยะใกล้คลอด ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพราะอาจทำให้มดลูกไม่บีบตัว ไม่มีแรงเบ่งคลอด คลอดยากได้

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ท้องที่ได้ผล แต่เมื่อมีอาการแพ้ท้องเกิดขึ้น อาจลดอาการให้น้อยลงได้ด้วยการดูแลตนเองดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อ "การดูแลตนเอง” ด้านบน

ข้อแนะนำ

1. หญิงตั้งครรภ์ควรศึกษาให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ภาวะเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ การดูแลรักษาครรภ์ และการปฏิบัติตัวต่าง ๆ การเตรียมตัวเตรียมใจในการคลอดและการเลี้ยงดูทารก รวมทั้งประโยชน์และการเตรียมตัวในการเลี้ยงทารกด้วยนมมารดา

2. สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ท้อง ควรให้ความมั่นใจว่าอาการจะหายได้เองภายหลังตั้งครรภ์ได้ 14-16 สัปดาห์ ควรแนะนำให้สามีและญาติเห็นใจ ให้กำลังใจ ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย

3. อาการอาเจียน นอกจากเกิดจากภาวะแพ้ท้องแล้ว ยังอาจมีสาเหตุจากโรคตับ โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ตับอ่อนอักเสบ กระเพาะลำไส้อุดกั้น โรคทางกระเพาะลำไส้ โรคทางสมอง เป็นต้น ถ้าหากมีอาการอาเจียนรุนแรงหรือต่อเนื่อง ก็ควรตรวจหาสาเหตุดังกล่าว

4. หญิงตั้งครรภ์มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้ง่าย และบางครั้งอาจไม่มีอาการแสดง จึงควรตรวจปัสสาวะเป็นครั้งคราวขณะฝากครรภ์ หากพบจะได้ให้การรักษาเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน

5. ถ้าสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยหัดเยอรมันหรืออีสุกอีใส ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อตรวจดูว่ามีการติดเชื้อไวรัสเหล่านี้หรือไม่ เพราะการติดเชื้อไวรัสเหล่านี้อาจทำให้ทารกพิการได้

6. ขณะตั้งครรภ์ โรคบางชนิด เช่น ไมเกรน เยื่อบุมดลูกต่างที่ มักจะทุเลาหรือปลอดจากอาการได้ในไตรมาสที่ 2 และ 3 แต่หลังคลอดก็จะกำเริบได้ใหม่

7. ในปัจจุบันแพทย์สามารถทำการตรวจวินิจฉัยทารกก่อนคลอด (prenatal diagnosis) ซึ่งมีอยู่หลายวิธี เช่น

    การตรวจกรองความผิดปกติของโครโมโซมและระบบประสาทของทารก เช่น กลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome)* ภาวะไม่มีสมอง (anencephaly) ความผิดปกติของไขสันหลัง (spina bifida) โดยการเจาะเลือดมารดาตรวจระดับ alpha-fetoprotein (AFP), beta-HCG และ unconjugated estriol เทียบกับค่ามาตรฐาน
    มารดาที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป (ซึ่งเสี่ยงต่อมีบุตรเป็นกลุ่มอาการดาวน์) มารดาเคยคลอดบุตรที่มีโครโมโซมผิดปกติ มารดามีประวัติการแท้งเป็นอาจิณ บิดาและมารดาเป็นโรคหรือมียีนแฝงของทาลัสซีเมีย (ซึ่งบุตรมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคทาลัสซีเมีย) ตรวจกรองเลือดมารดาแล้วพบความผิดปกติของโครโมโซม หรือตรวจอัลตราซาวนด์แล้วพบความพิการ สูติแพทย์จะทำการเจาะดูดน้ำคร่ำ (amniocentesics) หรือเก็บตัวอย่างเนื้อรก (chorionic villus sampling) เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม


8. การป้องกันความผิดปกติของทารก บางกรณีควรกระทำตั้งแต่ก่อนจะตั้งครรภ์ เช่น

    ในรายที่ยังไม่เคยเป็นหัดเยอรมัน และอีสุกอีใส (ตรวจเลือดไม่พบสารภูมิต้านทานต่อโรคเหล่านี้) ควรฉีดวัคซีนป้องกัน (ดู “โรคหัด” และ “โรคอีสุกอีใส”)
    ป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาท (neural tube defect) เช่น spida bifida โดยการกินกรดโฟลิก (folic acid) 4 มก. วันละครั้ง ตั้งแต่ 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์จนกระทั่งพ้นระยะตั้งครรภ์ไตรมาสแรก

* ทารกมีโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 อันกลายเป็น 3 อัน (trisomy 21) ทำให้ทารกมีพัฒนาการทางสมองช้า กลายเป็นปัญญาอ่อน มีลักษณะตัวเตี้ย หน้าตาแปลก ศีรษะแบน คอสั้น ผิวหนังที่คอด้านหลังหย่อน ดั้งจมูกแบน หูเล็กเกาะต่ำและพับ อ้าปาก แลบลิ้นออกมา มือกว้างสั้น มีเส้นลายมือขวางเส้นเดียว นิ้วก้อยโค้ง ช่องระหว่างนิ้วเท้าที่ 1 และ 2 กว้างและมีร่องลึกลงมาทางฝ่าเท้า บางครั้งอาจมีความผิดปกติของร่างกายร่วมด้วย เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ลำไส้เล็กส่วนต้นตัน (duodenal atresia) มีทางทะลุระหว่างหลอดลมกับหลอดอาหาร (tracheoesophageal fistula) เป็นต้น มักพบในมารดาที่ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก กล่าวคือ มารดาอายุน้อยกว่า 30 ปีมีโอกาสมีบุตรเป็นโรคนี้น้อยกว่า 1/900 อายุ 35 ปีมีโอกาสประมาณ 1/350 และอายุ 40 ปีขึ้นไปมีโอกาสมากกว่า 1/100

14
การลดความเสี่ยง จากการให้อาหารสายยาง

การให้อาหารทางสาย อาหารสุขภาพ ถือเป็นการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นการรักษาที่มักพบเห็นได้บ่อย ข้อดีของการให้อาหารทางสายยางคือ การทำให้ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะขาดสารอาหาร ในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ มีระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายที่สมดุล ไม่เกิดปัญหาแทรกซ้อน ที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากไม่ได้รับประทานอาหาร การให้อาหารทางสายยาง ผู้ดูแลจะต้องดูแลรักษาความสะอาดและที่สำคัญจะต้องทราบถึงวิธีการให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วยอย่างปลอดภัยมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การให้อาหารทางสายยาง ถึงแม้ว่าเป็นการรักษาอย่างหนึ่งทางการแพทย์ และส่งผลดีต่อร่างกายของผุ้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในการให้อาหารอยู่ดี ไม่ว่าเป็นการใส่สายยางให้อาหาร ก็มีความเสี่ยง อาจจะทำให้เกิดบาดแผลภายในร่างกาย ที่มีการสอดสายยางผ่านเข้าไป หรืออันตรายจากการใส่สายยางให้อาหารผิดตำแหน่ง แล้วทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งการให้อาหารทางสายยาง มีความเสี่ยงที่เป็นอันตรายได้ตั้งแต่การใส่สายยางให้อาหารและถอดสายยาง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย หากทำไม่ถูกวิธี ถือว่ามีโอกาสเสี่ยงมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นภาวะปอดอักเสบ หลอดอาหารทะลุ ความดันในกะโหลกศีรษะสูง หรือการบาดเจ็บของหลอดลม

สำหรับความเสี่ยงจากการให้อาหารทางสายยางให้อาหาร ถ้าสายยางเข้าไปในปอด อาจจะทำให้ผู้ป่วยสำลักอาหารเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด ทางเดินหายใจอุดกั้น ปอดอักเสบจากการสำลักหรือเกิดการติดเชื้อที่ปอดอย่างรุนแรง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะช็อคหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการสำลักอาหาร คือสายยางให้อาหารไม่อยู่ในตำแหน่งที่กำหนดนั่นเอง

นอกจากนี้ การที่สายยางให้อาหารเข้าไปในทางเดินหายใจ และทำให้เกิดการระคายเคืองและอาจจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการไออย่างรุนแรง ก็ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอันตรายได้ รวมไปถึงลักษณะของการสายให้อาหารก็ถือว่าอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสายยางเกิดการหักพับในคอ หรือหลอดอาหาร สายยางทำให้เยื่อบุทำงานเดินหายใจได้รับบาดเจ็บเกิดการติดเชื้อและอาจทำให้เกิดไซนัสอักเสบ และถ้าหากสายยางเข้าไปในสมอง ทะลุเข้าไปใน

ฐานของกะโหลกศีรษะ ทำให้เกิดภาวะความดันในช่องโพรงกะโหลกศีรษะสูงได้ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงจากการให้อาหารทางสายยาง ผู้ดูแลจะต้องมีความรู้ในการให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วย ต้องทราบถึงวิธีการแก้ไขปัญหาและการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นจะต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที

อย่างไรก็ตามวิธีการลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการที่ให้อาหารทางสายยาง อันดับแรกเลยความรู้ความชำนาญในการให้อาหารทางสายยางแก่ผู้ป่วย ผู้ดูแลจะต้องมีความรู้มากพอสมควร รู้วิธรรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ผู้ดูแลควรจะพิจารณาถึงการใส่สายยางให้อาหารแก่ผู้ป่วยว่า เหมาะสมกับผู้ป่วยหรือไม่ เช่นผู้ป่วยมีความเสี่ยงในการสำลักอาหารสูงหรือไม่ กระเพาะอาหารทำงานอย่างไร เป็นต้น ผู้ดูแลจะต้องบันทึกข้อมูลทางการพยาบาลในการลดความเสี่ยงและบอกเหตุผลในการปฏิบัติ ดูรายละเอียดของการประเมินก่อนทำการใส่สายยางให้อาหาร

การใส่สายยางให้อาหารจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญเป็นคนใส่สายยางให้อาหาร เพราะถ้าใส่สายยางผิดตำแหน่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากในเรื่องของตำแหน่งของการใส่สายยาง ควรตรวจสอบตำแหน่งของสายให้ดีว่าอยู่กระเพาะอาหารหรือไม่ และต้องทำการปิดพลาสเตอร์ให้เรียบร้อย เพื่อยึดติดสายยางไม่ให้ขยับ ถ้าหากพาสเตอร์เกิดหลุดควรรีบทำการแก้ไขโดยด่วน ทั้งนี้ต้องระมัดระวังไม่ให้ลมผ่านเข้าสู่ร่างกาย ทางสายยางให้อาหาร โดยถ้าผ่านเข้าไปได้ควรให้มี

ปริมาณน้อยที่สุด เพื่อป้องกันท้องอืด ท้องเฟ้อ และผู้ดูแลควรเปลี่ยนสายยางให้อาหารอย่างน้อยทุก 1 เดือน หรือเมื่อพบการชำรุดหรือสายยางมีความสกปรก ควรเปลี่ยนทันที ในกรณีที่ให้ อาหารทางจมูกทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนสายยางใหม่ แต่ทั้งนี้ให้คำนึงถึงพยาธิสภาพของโรคและอาการด้วย เพื่อสุขลักษณะที่ดี และป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยด้วย

15
ปล่อยรถป้ายแดง Honda CR-V 1.5 ES 4WD ปี2023 โปรโมชั่นพิเศษ

ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
HONDA CR-V ES 4WD สปอร์ตพรีเมียม เจเนอเรชันที่ 6 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2567
ฟรี ประกันหลังการขาย เครื่อง เกียร์ (ส่งซ่อมห้าง) 1 ปี / 10,000 กม.
ฟรี บริการเซ็นเอกสารจัดไฟแนนซ์ถึงบ้านทั่วไทย

ราคาพิเศษ 1,335,000 บาท

สนใจสอบถา มรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                Honda
   รุ่น                     ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
   ประเภทรถ            รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว            2023


หน้า: [1] 2 3 ... 16