ผู้เขียน หัวข้อ: การตรวจพบโรคไตสำคัญอย่างไร  (อ่าน 3 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 175
    • ดูรายละเอียด
การตรวจพบโรคไตสำคัญอย่างไร
« เมื่อ: วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025, 22:09:28 น. »
การตรวจพบโรคไตสำคัญอย่างไร

โรคไตเรื้อรัง คือ สภาวะที่ไตถูกทำลาย มีผลทำให้ความสามารถของไตในการทำงานลดลง เช่น การรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย การควบคุมน้ำและแร่ธาตุต่างๆ ในเลือด การกำจัดของเสียออกจากเลือด การกำจัดยาและพิษออกจากร่างกาย การหลั่งฮอร์โมนเข้าสู่กระแสเลือด เป็นต้น โดยสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรังคือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน รวมถึงสภาวะอื่นๆ เช่น ไตอักเสบ โรคถุงน้ำในไต เป็นต้น

การตรวจพบโรคไตสำคัญอย่างไร

เพราะโรคไตอาจมีอาการแย่ลงได้ทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว หลายคนไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตนเป็นโรคไตอยู่จนกว่าจะมีอาการแย่แล้ว ดังนั้น การตรวจพบและได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ อาจทำให้โรคไตเรื้อรังคงตัวและหายได้ หากปล่อยไว้จนมีอาการแย่ลงจะนำไปสู่ภาวะไตวาย ซึ่งไตจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป จำเป็นต้องได้รับการรักษา เช่น ฟอกเลือด หรือเปลี่ยนไต

ปัจจัยเสี่ยงของโรคไตเรื้อรัง

    โรคเบาหวาน
    ความดันโลหิตสูง
    ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไตเรื้อรัง
    อายุมาก
    น้ำหนักเกินหรืออ้วน
    สูบบุหรี่

เมื่อมีความเสี่ยงของโรคไตเรื้อรัง

หากมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไตเรื้อรัง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจสุขภาพดังนี้

    วัดความดันโลหิต
    ตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ โปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับร่างกาย โปรตีนที่ผ่านการกรองแล้วจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ โปรตีนจะรั่วออกมากับปัสสาวะ การตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะนั้นทำได้หลายวิธีด้วยกัน หากไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ได้ตรวจพบโปรตีนมาแล้วสองครั้ง หมายความว่ามีโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคไตเรื้อรัง
    ตรวจเลือดตามปกติเพื่อหาค่าครีเอตินิน (creatinine) ซึ่งเป็นของเสียที่มาจากการทำงานของกล้ามเนื้อ ผลที่ได้จากการตรวจหาค่าครีเอตินินนั้นจะใช้ในการประเมินค่าการทำงานของไตหรือ GFR (glomerular filtration rate) ค่าการทำงานของไตนี้จะบอกว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด ค่าการทำงานของไตที่ต่ำอาจหมายถึงไตไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หรือเสียหน้าที่ในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย

อาการของโรคไตเรื้อรัง
ผู้ป่วยโรคไตในระยะเริ่มแรกหลายท่านอาจไม่มีอาการรุนแรง จนกระทั่งโรคมาถึงขั้นร้ายแรงแล้ว อาจมีอาการดังต่อไปนี้

    อ่อนแรง
    คิดอะไรไม่ค่อยออก
    เบื่ออาหาร
    นอนไม่หลับ
    ผิวแห้ง คัน
    กล้ามเนื้อเป็นตะคริวตอนกลางคืน
    เท้าและข้อเท้าบวม
    ตาบวมน้ำ โดยเฉพาะในตอนเช้า
    ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน

 
การตรวจเมื่ออาจเป็นโรคไตเรื้อรัง

แพทย์จะทำการตรวจที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มขึ้นเพื่อวางแผนการรักษา โดยจะตรวจดังต่อไปนี้

    คำนวณค่าการทำงานของไต ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการบ่งบอกว่าไตยังทำงานได้มากน้อยเพียงใด เพื่อให้แพทย์ทราบได้ถึงระยะของโรคไตและช่วยในการวางแผนการรักษา
    ทำการตรวจอัลตราซาวนด์หรือ CT scan เพื่อถ่ายภาพไตและทางเดินปัสสาวะ เพื่อพิจารณาขนาดของไต ตรวจหาก้อนนิ่วหรือเนื้องอก และดูว่ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับโครงสร้างของไตและทางเดินปัสสาวะหรือไม่
    ตัดชิ้นเนื้อไตส่งตรวจ ซึ่งจะทำในบางกรณีเท่านั้นในการตรวจดูประเภทของโรคไตที่เฉพาะเจาะจง ดูว่าไตถูกทำลายไปมากน้อยเพียงใดและช่วยในการวางแผนการรักษา ในการตัดชิ้นเนื้อนั้น แพทย์จะนำเนื้อเยื่อเล็กๆ ของไตส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์

ระยะของโรคไตเรื้อรัง

ระยะของโรค    รายละเอียดของระยะต่างๆ    ค่าการทำงานของไต (GFR)

ระยะที่ 1    ไตเริ่มเสื่อม (มีโปรตีนในปัสสาวะ) ค่า GFR ปกติ 90 หรือมากกว่า
ระยะที่ 2    ไตเสื่อม ค่า GFR ลดลงเล็กน้อย    60-89
ระยะที่ 3    ค่า GFR ลดลงปานกลาง            30-59
ระยะที่ 4    ค่า GFR ลดลงมาก            15-29
ระยะที่ 5    ไตวาย                            น้อยกว่า 15
 
ค่าการทำงานของไตจะบ่งบอกให้แพทย์ทราบได้ว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด เมื่ออาการโรคไตยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ค่าการทำงานของไต GFR ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน